รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชา เรียกร้องให้ ยูเนสโก (UNESCO) เข้าตรวจสอบกรณี “วัดภูม่านฟ้า” จ.บุรีรัมย์ ของไทย ลอกเลียนแบบ “นครวัด” ของกัมพูชา
วันนี้ (11 ก.ค. 68) สำนักข่าว ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมของกัมพูชา ได้กล่าวในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก ครั้งที่ 47 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยได้แสดงความกังวลอย่างมากต่อการก่อสร้างนครวัดจำลองขนาดใหญ่ใน จ.บุรีรัมย์ ประเทศไทย โดยได้เรียกร้องให้ยูเนสโกเข้าตรวจสอบการที่วัดภูม่านฟ้า จ.บุรีรัมย์ ประเทศไทย ได้ลอกเลียนแบบนครวัด ของกัมพูชา
โดยระบุว่า กัมพูชามีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการก่อสร้างนครวัดจำลองขนาดใหญ่ใน จ.บุรีรัมย์ ประเทศไทย โครงการนี้ดำเนินการสร้างโดยไม่ได้ปรึกษาหารือหรือคำนึงถึงหลักจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมของกัมพูชามาก่อน และแบบจำลองของไทยนั้นทำลายบูรณภาพ ความเป็นของแท้ และคุณค่าความเป็นสากลอันโดดเด่นของสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์แห่งนี้ลงอย่างร้ายแรง
แม้ทางกัมพูชาจะพยายามทางการทูตแล้ว แต่การก่อสร้างยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นแบบอย่างของปัญหา สำหรับสถานที่ที่เป็นมรดกโลกทั้งหมด เพราะฉะนั้นจึงขอให้ ยูเนสโก (UNESCO) และองค์กรที่ปรึกษาเข้าตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังที่สุด
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมของกัมพูชา เคยหยิบยกเรื่องการเลียนแบบนี้มาหารือในระหว่างการประชุมทางเทคนิคครั้งที่ 40 ของคณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งประวัติศาสตร์แห่งนครวัดและปราสาทสมโบร์ไพรกุก ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 มิถุนายน พ.ศ.2568 ใน จ.เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา โดยได้เน้นย้ำว่าการที่ “วัดภูม่านฟ้า” ได้สร้างโดยจำลองจากนครวัดไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดจริยธรรมในการอนุรักษ์มรดกเท่านั้น แต่ยังเป็นการละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ (World Heritage Convention) ปี พ.ศ.2515 อีกด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นบ่อนทำลายคุณค่าความเป็นสากลอันโดดเด่นและความเป็นของแท้ของแหล่งโบราณคดี “นครวัด”
ทั้งนี้ นครวัดสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 โดยนครวัดเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของกัมพูชา ปรากฏเด่นชัดบนธงชาติ และยังคงเป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของราชอาณาจักรกัมพูชา