คอลสยิวหลอกเจ้าคณะตำบลฯ ช่วยตัวเอง โดนรีดไปแล้ว 1.2 แสน สอบสวนเส้นทางการเงินเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน หลวงพ่อสารภาพผิดต่อคณะสงฆ์ปกครอง ปลงอาบัติ อยู่ปริวาสกรรมถึง 3 ครั้ง ความดีที่บำรุงพระพุทธศาสนา พัฒนาวัดกว่า 30 พรรษา สูญสิ้นไปเพียงชั่วพริบตา เป็นตราบาปทำให้ญาติโยมเสียใจ ให้คำมั่นตลอดชีวิตจะไม่เกิดขึ้นอีก
ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านที่อยู่บริเวณโดยรอบวัดเดินทางมาเพื่อให้กำลังใจพระครูประทีปฯ เจ้าคณะตำบล ที่กำลังตกเป็นข่าวเรื่องคลิปฉาวถูกเผยแพร่ในสื่อโซเชียล โดยมีพระครูสุวัฒน์บุญโญภาส เจ้าคณะอำเภอบางไทร เจ้าอาวาสวัดเชิงเลน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา พระครูใบฎีกานพรัตน์ ภาคพิธเจริญ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางไทร พร้อมด้วยคณะสงฆ์ฝ่ายปกครอง มาสอบสวนเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นได้มาทำความเข้าใจชี้แจ้ง กับกลุ่มชาวบ้าน
เจ้าคณะอำเภอบางไทร กล่าวว่า จากภาพที่ปรากฏภาพตามสื่อต่าง ๆ ทำให้ญาติโยมตกใจ ที่ผ่านมา ได้กำชับให้พระสงฆ์ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย จะได้ไม่เสียหายต่อคณะสงฆ์ต่อวัดต่อศาสนา ซึ่งบอบช้ำมาก เรื่องนี้ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของพระธรรมวินัยแล้ว เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว หรือเป็นเรื่องเก่านั่นเอง
เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางไทร กล่าวว่า คลิปวิดีโอนี้เป็นเรื่องเก่า เกิดขึ้นในช่วงกลางเดือน มี.ค. 68 ในการแต่งตั้งท่านเป็นเจ้าคณะตำบล คณะสงฝ่ายปกครองได้เรียกเจ้าอาวาสมาทำการสอบสวน ท่านมีความตั้งใจเข้ามารับสารภาพ ว่าได้กระทำผิดจริง ที่ประชุมคณะสงฆ์ฝ่ายปกครองได้พิจารณาตามความผิดทางวินัยสงฆ์ สังฆาทิเสสระดับกลาง คือจงใจให้น้ำอสุจิเคลื่อน ท่านได้ปลงอาบัติอยู่ปริวาสกรรม ถึง 3 ครั้ง
“การพิจารณาความผิดและการลงโทษเจ้าอาวาสใช้หลักพิจารณาหลายอย่าง ทั้ง พระธรรมวินัยของสงฆ์ ขนบธรรมเนียมประเพณี กฎหมายบ้านเมือง และตามประกาศของมหาเถระสมาคมมาพิจารณาแล้ว ความผิดไม่ถึงขั้นปาราชิก และไม่มีความผิดทางกฎหมาย คณะสงฆ์ฝ่ายปกครองได้ว่ากล่าวตักเตือน และไม่มีการคัดค้านเรื่องการแต่งตั้งเจ้าคณะตำบล”
จากนั้นคณะสงฆ์ฝ่ายปกครอง ได้สอบถามชาวบ้านที่มาร่วมรับฟังการชี้แจง ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ยังต้องการให้เจ้าอาวาสปฎิบัติหน้าที่เป็นเจ้าอาสและเจ้าคณะตำบลอยู่หรือไม่ เสียงของชาวบ้านส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า ให้ปฎิบัติหน้าที่ต่อไป แต่มีชาวบ้าน 1 คน เห็นว่าไม่ให้สมควร ไม่สามารถที่จะกราบไหว้ได้ จนเกิดการโต้เถียงกันระหว่างชาวบ้าน
เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางไทร ได้อธิบายว่าความผิดของเจ้าอาวาส ไม่ถึงขั้นปาราชิกเป็นความผิดทางวินัยซึ่งได้ผ่านการพิจารณาและกำหนดบทลงโทษไปแล้ว ไม่สามารถที่จะบังคับให้ลาสิกขาได้ อยู่ที่ความสมัครใจของเจ้าอาวาส
ด้าน พระครูฯ ที่ปรากฏภาพอยู่ในคลิป กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค. มีผู้หญิงทักเข้ามาที่ Facebook ส่วนตัวของตนเองมีโปรไฟล์เป็นแม่ค้า ขายโดนัท ทักเข้ามาตีสนิททำความรู้จักได้ประมาณ 10 วัน จนมีการพูดคุยกันแล้วล่อลวงให้อาตมาสำเร็จความใคร่ หลังจากข่มขู่ให้โอนเงินไปแล้วประมาณ 120,000 บาท ซึ่งเป็นเงินส่วนตัว จ่ายจนไม่มีจะให้แล้ว จึงถูกนำคลิปไปร้องเรียนคณะสงฆ์ฝ่ายปกครองอำเภอบางไทร อาตมาได้เข้าไปรับสารภาพ ยอมรับว่าขาดสติ
“ความดีที่บำรุงพระพุทธศาสนา พัฒนาวัดมากว่า 30 พรรษา สูญสิ้นไปเพียงชั่วพริบตา เป็นตราบาปทำให้ญาติโยมเสียใจตกใจ รวมถึงญาติพี่น้องและตัวอาตมาเอง ขนาดญาติพี่น้องของอาตมา ก็ยอมรับไม่ได้ ไม่ยอมมาทำบุญ เรื่องนี้ได้ประสานกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีกับหญิงสาวคนดังกล่าวแล้ว พบว่าเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ เส้นทางการเงินที่โอนไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่สามารถที่จะติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดได้ หญิงสาวคนดังกล่าว ไม่มีตัวตนเป็นวิดีโอที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวง”
พระครูฯ ให้คำมั่นว่า ต่อจากนี้จะตั้งสติตัวเองให้มากขึ้น ให้มากกว่าเดิมที่เคยทำอยู่ จะไม่กระทำผิดในลักษณะแบบนี้อีก สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว จะไม่เกิดขึ้นอีก ในช่วงชีวิตที่คลองสมณเพศเป็นพระสงฆ์อยู่ ถ้าเกิดขึ้นอีกจะแขวนคอหน้าโบสถ์เป็นการลงโทษตนเอง