“ทักษิณ” ย้ำ “ทีมไทยแลนด์” เจรจาภาษีทรัมป์ไม่ยอมให้ “ไทย” เสียเปรียบ แจงเปิดนำเข้า “ข้าวโพด” จากสหรัฐฯ ไม่กระทบตลาดในประเทศ
เมื่อวานนี้ (17ก.ค.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งระหว่างปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กรณีมาตรการกำแพงภาษีสหรัฐฯ (ภาษีทรัมป์)
นายทักษิณ กล่าวว่า การรู้จักกับประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ หมายถึงการได้พูดคุย ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับราคาพิเศษ แต่อยู่ที่ข้อเสนอ ซึ่งวันก่อนได้พูดคุยกับครอบครัวของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ แต่ก็ไม่เหมือนกับการเดินทางไปเจอตัว ผู้ดำเนินรายการถามว่า ศาลควรจะอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ซึ่งศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีม. 112 นายทักษิณ เชื่อว่าคดีดังกล่าวจะจบลงแล้ว และ น่าจะมีโอกาสได้เดินทางไปพูดคุยกับนักลงทุนอื่นอีกด้วย
ผู้ดำเนินรายการถามรายละเอียดจากกระแสข่าวข้อเสนอภาษีนำเข้าจากสหรัฐเป็น 0% ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพดตกต่ำลงทันที เนื่องจากผู้ซื้อรายใหญ่ในประเทศ รอซื้อข้าวโพดนำเข้าจากสหรัฐฯ นายทักษิณ กล่าวว่า ข้าวโพดไทย กิโลกรัมละ 8 บาทกว่า ผลิตได้ 4 ล้านตัน แต่ความต้องการใช้มีสูงถึง 8 ล้านตัน ดังนั้น หากต้องนำเข้าอีก 4 ล้านตัน ในราคากิโลกรัมละ 4 บาท ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบกับข้าวโพดในประเทศ โดยการนำเข้าจากสหรัฐฯ จะทดแทนการนำเข้าจะประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีการปลูกและเผาจนเกิดฝุ่น PM 2.5
ทั้งนี้ นายทักษิณ ย้ำว่า เรื่องภาษีทรัมป์ ทีมไทยแลนด์กำลังเจรจา โดยยื่นข้อเสนอใหม่ มีนายกรัฐมนตรีคอยกำกับ ไม่ให้ไทยเสียเปรียบ ไม่ให้ถูกเบียดเบียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าเกษตร สินค้า SMEs หรือพวกอัญ อะไรเปิดได้เราก็เปิด แต่ให้จำไว้ว่า คำว่าดีลไม่มีจบ ถ้ายังไม่พอใจก็ดีลกันต่อ นี่เป็นลักษณะการเจรจาธุรกิจ เพราะฉะนั้นเราหยุดตรงนี้ไม่ได้
ส่วนโครงการเรือธงของรัฐบาล เช่น รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แลนด์บริดจ์ หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ยังติดปัญหาข้อกฎหมาย นายทักษิณ กล่าวในภาพรวมว่า การเริ่มต้นที่ล่าช้า ก็เพราะต้องเริ่มทุกอย่างด้วยการออกกฎหมาย ดังนั้น บางเรื่องรัฐบาลก็มีความชอบทำที่จะออกเป็นพระราชกำหนด เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์
