ผู้รับเหมา ฉุน! ลูกน้องทวงเงินค่าจ้าง ยกพวกกว่า 20 คน อาวุธครบมือ รุมกระทืบถึงบ้าน

ผู้รับเหมา ฉุน! ลูกน้องทวงเงินค่าจ้าง ยกพวกกว่า 20 คน อาวุธครบมือ รุมกระทืบถึงบ้าน

View icon 201
วันที่ 21 ก.ค. 2568 | 07.22 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ผู้รับเหมา ฉุน! ลูกน้องทวงเงินค่าจ้าง ยกพวกกว่า 20 คน อาวุธครบมือ รุมกระทืบถึงบ้าน ก่อนขู่ทิ้งท้ายให้ย้ายออกจากบ้านพัก อ้างสาเหตุทำไปเพราะ ลูกจ้างเบิกเงินไปหมดแล้ว แต่ยังทำงานไม่เสร็จ

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 68 นายมงคลชัย อายุ 31 ปี ผู้บาดเจ็บ พร้อมด้วย น.ส.วรรณา อายุ 35 ปี ภรรยาผู้บาดเจ็บ เข้ามาร้องขอความเป็นธรรมกับทาง ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอัยการจังหวัดนนทบุรี , ประธานกิตติมศักดิ์ กต.ตร.จังหวัดนนทบุรี และ ผู้ก่อตั้งเพจ “ดร.แก้วช่วยได้” เนื่องจากวันที่ 8 ก.ค. 68 เวลา 21.56 น. ที่ผ่านมา ได้มีนายอภิชัย นายจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง ยกพวกกว่า 20 คน พร้อมอาวุธปืน สนับมือ ไม้ และมีด เข้ามาทำร้ายร่างกายที่บ้านพักคนงาน เนื่องจาก นายมงคลชัย ผู้เสียหาย ได้มีการทักทวงถามเรื่องเงินค่าจ้างทำให้นายจ้างไม่พอใจ และคุยกันไม่รู้เรื่อง จึงบุกเข้ามาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกโหนกแก้มหัก และถูกไล่ออกจากบ้านพัก พร้อมข่มขู่ถ้าไม่ย้ายออกจะฆ่าทั้งครอบครัว หลังจากเกิดเหตุผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางแม่นาง แต่คดีไม่คืบหน้า จึงร้องขอความเป็นธรรมให้ ดร.แก้ว ช่วยเหลือทางด้านคดี

นายมงคลชัย ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า วันเกิดเหตุ วันที่ 8 ก.ค. เวลาประมาณ 18.00 น. ตนกำลังนั่งกินข้าวกับครอบครัว มีโทรศัพท์จากนายจ้างเข้ามาหลังจากตนไปทวงหนี้ที่ค้างเอาไว้ เพื่อจะเอามาจ่ายให้กับคนงาน นายจ้างโทรมาบอกกับตนว่า “กูไม่คุยโทรศัพท์กับมึง เดี๋ยวกูจะไปหาที่บ้าน” จากนั้นเวลาประมาณเกือบ 1 ทุ่ม นายจ้างได้พาคนมาประมาณ 6 คน แล้วเกิดเถียงกันกับภรรยาของตน ก่อนจะโมโหกลับไปแล้วบอกว่าเดี๋ยวกูมาใหม่

หลังจากนั้นประมาณเกือบ 22.00 น. นายจ้างขับรถกระบะมาพร้อมชายฉกรรจ์ประมาณเกือบ 20 คน เข้ามาที่บ้านเช่าของตนถึงในบ้าน ยืนล้อมตนแล้ว มีอาวุธครบมือ ทั้งมีด ปืน สนับมือ รุมกระทบตน เตะ ต่อย ตนทำอะไรไม่ถูกยกมือปิดหน้าอย่างเดียว ตนจะลุกยืนแต่ลุกไม่ได้ถูกคนในกลุ่มกดตัวเอาไว้ ระหว่างที่ตนโดนกระทืบตัวนายจ้างตะโกนออกมาว่า “มึงจะได้รู้จักกูว่ากูเป็นใคร” หนึ่งในผู้ก่อเหตุ เอาปืนเหน็บหลังและจับปืนไว้ตลอด พร้อมตะโกนว่า “ใครเก๋าวะ” คอยเดินไปเดินมาคุมเชิงไว้

หลังจากนั้นนายจ้างได้ไล่ให้ตนกับครอบครัวรีบออกไปจากบ้านเช่าก่อนตี 3 ซึ่งตนอาศัยกันอยู่เกือบ 10 คน และมีเด็กเล็กอายุ 1 เดือน อยู่ด้วย รู้สึกกลัวมาก จึงรีบเก็บของหนี ตนเดินทางไปที่โรงพยาบาลบางใหญ่เพื่อตรวจร่างกาย แพทย์บอกว่ากระดูกที่โหนกแก้มด้านซ้ายหัก ให้ไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เนื่องจากตนมีสิทธิ์รักษาอยู่ที่นั่น พอไปถึงหมอเอ็กซเรย์ให้นอนแอดมิท บอกว่ากระดูกใต้ตาซ้ายหัก รอดูอาการเป็นอาทิตย์ และพักรักษาตัวอย่างน้อย 2 ถึง 6 เดือน

คนที่มากระทืบตนจำหน้าไม่ได้จำได้คนเดียว คือ นายจ้างเก่าของตน อยากให้ดร.แก้วช่วยเพราะกลัวจะย้อนกลับมาทำร้ายตนและครอบครัวอีก อยากให้ครอบครัวตนได้รับความเป็นธรรม ห่วงความไม่ปลอดภัย ตน ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ตนมองว่าคดีล่าช้าเกินไปมาก ไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้จักกับเสี่ยชาส่วนตัวหรือไม่

น.ส.วรรณา ภรรยาผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า วันเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังทานข้าว คู่กรณีลงจากรถมาประมาณ 20 คน มีอาวุธครบมือ เช่น ปืน สนับมือ ท่อนเหล็ก ไม้ มีดดาบ หนังสติ๊ก เดินเข้ามาในบ้านพัก ตนได้แจ้งว่ามีเด็กแต่คู่กรณีก็ไม่สนใจ พยายามจะทำร้ายคนในบ้าน ตนพยายามเข้าไปขวางทุกคน ซึ่งทั้งกลุ่มสลับกันเข้ามารุมทำร้าย และหันไปรุมทำร้ายแฟนตน ตนกับคู่กรณีคือนายจ้างตนเคยทำงานด้วยกัน ยืนสั่งการให้คนมารุมทำร้าย โดยบอกว่า “มึงจะได้รู้ว่ากูเป็นใคร อย่ามาเก่งกับกู กูไม่เคยทำร้ายใครแต่มึงมันน่าโดน” ซึ่งก่อนหน้านี้คู่กรณีได้เข้ามารอบนึงแล้ว จะทำร้ายตน ตนจึงถือมีดขู่เพื่อป้องกันตัว

สาเหตุเพราะตนขัดใจไม่ยอมไปขึ้นงานใหม่ และทวงถามเรื่องเงินค่าจ้างเมื่อจบงานเก่าเพื่อจ่ายลูกน้อง ที่ผ่านมาทยอยจ่ายมาตลอด ขอเป็นเงินก้อนก็อ้างว่าไม่มี คู่กรณีอ้างว่าพวกตนไม่ทำงาน ไม่ให้อยู่บ้านเช่า และไล่ออก ทั้งที่เพิ่งมาอยู่ได้เพียง 2 วัน ตนมีหลักฐานการทำงาน และถูกเร่งให้ทำงานตลอด บางครั้งเคยทำงานตั้งแต่กลางคืนถึง 10 โมงเช้าก็มี

ที่ผ่านมาตนทำงานตามคำสั่ง ไม่เคยขัดใจ ยอดเงินที่ตนต้องได้รับคือเหลือ 6,000 บาท เพราะคู่กรณีทยอยจ่ายมาตลอด ตอนนี้ครอบครัวของตนรู้สึกกลัวและห่วงความไม่ปลอดภัย คู่กรณีข่มขู่ว่าหากพวกตนไม่ย้ายออกจากห้องเช่าจะมาฆ่าให้ตายทั้งครอบครัว พวกตนไม่มีที่อยู่จึงจำเป็นต้องย้ายครอบครัวหนีไปบ้านเกิดที่จังหวัดสมุทรปราการก่อนเพื่อตั้งหลัก แฟนตนถูกทำร้ายบาดเจ็บหนัก โชคดีที่คู่กรณีเว้นตนไว้และไม่ทำร้าย ในบ้านของตนส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิงและเด็ก

ตนพยายามร้องสื่อมาหลายครั้ง เพราะอยากให้ดำเนินคดีกับคู่กรณีตามกฎหมาย อยากได้ความยุติธรรมและห่วงเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว ตนหาเช้ากินค่ำไม่ได้คดโกงใคร ไม่น่ามาทำร้ายกันแบบนี้ วันนี้จึงเดินทางมาร้องด็อกเตอร์แก้วเพราะอยากให้ช่วยเหลือ ตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อหรือสอบปากคำจากตำรวจเลย

ต่อมา ดร.แก้ว ได้โทรศัพท์ติดต่อ นายจ้างคู่กรณี ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งนายจ้างคู่กรณี อ้างว่าทางภรรยาผู้บาดเจ็บได้ถือมีดพุ่งมาหาตนเอง ซึ่งบ้านที่อาศัยอยู่เป็นบ้านพักที่ตนเช่าให้อยู่ ตัวผู้เสียหายได้เบิกเงินจากตนไปหมดและยังทำงานไม่เสร็จ ตนจึงอยากให้ย้ายออกไปหากไม่ทำงานด้วยกันแล้ว แต่ทางผู้เสียหายไม่ยอมย้าย และมาทวงเงินอีก ส่วนกรณีที่ตนไปรุมทำร้ายก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรกว่าจะเอามีดมาแทงตนก่อน ตนเข้าไปเพียงต้องการเจรจาเท่านั้น ไม่ได้มีอาวุธอะไร หลังจากนี้ตนก็จะไปให้ปากคำเพิ่มเติม เพราะมั่นใจว่าตัวเองมีหลักฐานทั้งหมดเช่นกัน

ด้าน ดร.แก้ว กล่าวต่ออีกว่า เบื้องต้นตนจะประสานไปที่ สภ.บางแม่นาง ว่าคดีความคืบหน้าไปถึงไหน ได้ดำเนินการอย่างไรไปบ้าง เพราะคดีนี้ผู้เสียหายรู้จักคนก่อเหตุ ไม่น่ายุ่งยาก ตนจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย จะประสานผกก.สภ.บางแม่นาง ให้คุ้มครองผู้เสียหายเรื่องความปลอดภัยด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง