ผู้เชี่ยวชาญของกัมพูชา เรียกร้องให้ “อาเซียน” ช่วยคลี่คลายความตึงเครียด ไทย-กัมพูชา

ผู้เชี่ยวชาญของกัมพูชา เรียกร้องให้ “อาเซียน” ช่วยคลี่คลายความตึงเครียด ไทย-กัมพูชา

View icon 508
วันที่ 21 ก.ค. 2568 | 09.11 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศชั้นนำของกัมพูชา เรียกร้องให้ “อาเซียน” มีส่วนร่วมในการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่าง ไทย-กัมพูชา และขอให้ปลดอาวุธในพื้นที่ชายแดนที่เป็นข้อพิพาท

วันนี้ (21 ก.ค. 68) สำนักข่าว ขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า นายภู โสธิรักษ์ นักวิจัยอาวุโสที่สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง “ความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย: สู่สันติภาพและเสถียรภาพของเพื่อนบ้านและภูมิภาค” ว่า การมีส่วนร่วมของอาเซียนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา และจะมีผลกระทบในระดับภูมิภาคเป็นวงกว้าง ซึ่งอาเซียนมีสมาชิก 10 ประเทศ หมายความว่าข้อพิพาทภายในก็จะส่งผลกระทบต่อสมาชิกทั้งหมด

นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2568 ที่เต็มใจจะเป็นตัวกลางในไกล่เกลี่ย ซึ่งนี่เป็นตัวอย่างศักยภาพของอาเซียน หากกัมพูชาหรือไทยต้องการให้อาเซียนช่วยดำเนินการ เช่น ให้คำปรึกษา ทางอาเซียนจะจัดการให้

ขณะนี้ความพยายามในการแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคีได้เข้าสู่ทางตันแล้ว โดยกัมพูชาเลือกที่จะให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดพื้นที่พิพาททั้ง 4 แห่ง และยืนกรานที่จะยึดตามแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งเป็นผลมาจากการแบ่งเขตแดนทางประวัติศาสตร์ระหว่างอินโดจีนและสยาม ซึ่งสอดคล้องกับสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยามในปี พ.ศ.2447 และ พ.ศ.2450 ขณะที่ไทยยังคงไม่ยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว ประเทศไทยต้องการการยุติข้อพิพาทแบบทวิภาคีผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และอาศัยแผนที่ฉบับของตนเอง

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนแนวคิดในการจัดตั้ง “กลุ่มเพื่อน” (Group of Friends) ที่ประกอบด้วยประเทศต่าง ๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น หรือฝรั่งเศส เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกที่เป็นกลาง โดยทั้งสองฝ่ายต้องไว้วางใจกลไกดังกล่าว ซึ่งการมีกลุ่มเพื่อนจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งไทยและกัมพูชา

ส่วนเรื่องความตึงเครียดทางทหารที่เพิ่มสูงขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทางนายภู โสธิรักษ์ เรียกร้องให้ถอนกำลังทหารออกเพื่อลดความเสี่ยงของการเผชิญหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ เช่น การทะเลาะวิวาทระหว่างอดีตทหารพรานไทยกับทหารกัมพูชาที่ปราสาทตาเมือนธม แม้จะมีการขอโทษแล้วมาก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงของการสื่อสารผิดพลาดระหว่างหน่วยติดอาวุธ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง