สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 21 กรกฎาคม 2568

สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 21 กรกฎาคม 2568

View icon 190
วันที่ 21 ก.ค. 2568 | 17.38 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 21 กรกฎาคม 2568


1.กัมพูชา อ้างไทยลาดตระเวนนอกเส้นทางตามที่ตกลง

หลังจากวานนี้ (20 ก.ค.) ที่กองทัพบก เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ยืนยันว่า กรณีที่นายแฮง รัตนา ผอ.สำนักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา บอกว่าทุ่นระเบิดอยู่ในเขตไทย และไทยต้องรับผิดชอบนั้น เป็นการสะท้อนว่า ทุ่นระเบิดที่พบอยู่ในเขตอธิปไตยของไทย จึงแสดงให้เห็นว่ามีการรุกล้ำ และลักลอบข้ามแดนเข้ามาวางทุ่นระเบิด

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชาให้ข่าวขัดแย้งกันเอง โดยพลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า ทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่จังหวัดพระวิหาร และอ้างว่าฝ่ายไทยละเมิดข้อตกลง MOU ปี 2543 ด้วยการลาดตระเวนออกนอกเส้นทาง และสร้างเส้นทางลาดตระเวนขึ้นใหม่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งอ้างอิงตามแผ่นที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 (ไทยยึดแผ่นที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000)

นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเจตนาของผู้นำกองทัพไทย ว่า เหตุใดจึงสั่งให้ทหารลาดตระเวนนอกเส้นทางที่ตกลงกันไว้ ทั้งที่รู้ว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงจากทุ่นระเบิดช่วงสงคราม และแม้กัมพูชาจะเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือนี่เป็นการกระทำโดยเจตนาเพื่อยั่วยุและเพิ่มความตึงเครียดที่อาจยกระดับสถานการณ์ให้กลายเป็นการเผชิญหน้ากันหรือไม่ ?


2.พายุ “วิภา” พัดถล่มจีน จ่อขึ้นฝั่งเวียดนาม

ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง วานนี้ (20 ก.ค.) ซึ่งมีการแจ้งเตือนภัยระดับสูงสุดครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ก่อนที่ล่าสุดจะลดระดับเตือนภัยลงแล้วเป็นระดับ 3 หลังพายุไต้ฝุ่น "วิภา" (Wipha) อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้ว สำหรับรายงานความเสียหาย มีต้นไม้หักโค่นเกือบ 500 ต้น นั่งร้านก่อสร้างพังถล่มเสียหายจำนวนมาก ประชาชนกว่า 250 คน ต้องอพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว เที่ยวบินกว่า 500 เที่ยว ถูกยกเลิก กระทบผู้โดยสารกว่า 80,000 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วอย่างน้อย 26 คน

จากนั้น พายุเคลื่อนตัวขึ้นสู่ฝั่งที่เมืองไท่ซาน มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน แม้อ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อนแล้ว แต่ยังส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน ทั้งในมณฑลกวางตุ้ง และมณฑลไห่หนาน ทางการต้องแจ้งเตือนเฝ้าระวังเหตุน้ำท่วมและดินถล่มหลายพื้นที่
ขณะเดียวกัน ทางการเวียดนามประกาศภาวะฉุกเฉินบริเวณจังหวัดชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศ ตั้งแต่จังหวัดว๋างนิญ ไปจนถึงจังหวัดนิญบิ่ญ เพื่อเตรียมรับมือพายุ "วิภา" แล้ว พร้อมเตือนภัยน้ำท่วมและดินถล่มจากฝนตกหนัก ส่วนสายการบินจำนวนมากต้องยกเลิกเที่ยวบิน นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่า อิทธิพลจากพายุ "วิภา" จะทำให้ภารกิจค้นหาผู้สูญหายจากเหตุเรือล่มใน "ฮาลองเบย์" ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 คน ได้รับผลกระทบตามไปด้วย

ก่อนหน้านี้ อิทธิพลจากพายุ "วิภา" ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายภูมิภาค และก่อให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างทั่วประเทศ อาคารบ้านเรือนจำนวนมาก รวมถึงถนน และสะพานกว่า 100 แห่ง ได้รับความเสียหาย เกิดไฟฟ้าขัดข้องใน 115 เมือง ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 8 แสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คน สูญหายอีก 7 คน


3.เลือกตั้ง สว. ญี่ปุ่น พรรครัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมาก

การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาญี่ปุ่นวานนี้ (20 ก.ค.) มีการชิงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา 124 ที่นั่ง จากทั้งหมด 248 ที่นั่ง พรรคร่วมรัฐบาลที่หวังคว้าที่นั่งรวมกันอย่างน้อย 50 ที่นั่ง เพื่อครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาต่อไป แต่ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือพรรคแอลพีดี ของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ  และพรรคโคเมโตะ ซึ่งเป็นพันธมิตร ทำได้เพียง 47 ที่นั่ง สูญเสียการครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี อย่างไรก็ตาม พรรคฝ่ายค้านหลัก ๆ ยังคงไม่สามารถรวมตัวกันได้เหมือนเดิม ขณะที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยืนยันว่า แม้จะผิดหวังกับผลเลือกตั้ง แต่จะยังคงทำหน้าที่ต่อไป

ขณะเดียวกัน พรรคซันเซโต (Sanseito) พรรคการเมืองขวาจัด กลายพรรคที่ทำผลงานโดดเด่นด้วยการคว้าที่นั่งได้ถึง 14 ที่ จากเดิมเมื่อ 3 ปีก่อน มีเพียง 1 ที่นั่ง โดยพรรคก่อตั้งขึ้นช่วงโควิด-19 โดยใช้สโลแกน "Japanese First" หรือ "ญี่ปุ่นต้องมาก่อน" ดึงฐานเสียงจากประชาชนที่ไม่พอใจเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และอัตราเกิดที่ลดลง
ทั้งนี้ มีการวิเคาะห์ว่าสาเหตุที่ทำให้ความนิยมของพรรครัฐบาลตกต่ำลงทั้งในการเลือกตั้ง สส. และ สว. เป็นเพราะปัญหาเรื่องการทุจริตรับสินบน ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลเสียหาย ประกอบกับมีปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้นจากราคาข้าว และตัวนายอิชิบะ เองถูกมองว่า แสดงความชาตินิยมน้อยเกินไป ในยุคที่ญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาจากผู้อพยพชาวต่างชาติ


4.“ทรัมป์” ขู่ทีมอเมริกันฟุตบอล "วอชิงตัน คอมแมนเดอร์ส" กลับไปใช้ชื่อเดิม

ยังคงสร้างความปั่นป่วนให้กับทุกวงการ ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้ทีม "วอชิงตัน คอมแมนเดอร์ส" (Washington Commanders) ซึ่งเป็นทีมอเมริกันฟุตบอลในลีก NFL กลับไปใช้ชื่อเดิม "วอชิงตัน เรดสกินส์" (Washington Redskins) ที่คนคุ้นเคยเพราะใช้มานานกว่า มิฉะนั้นจะระงับข้อตกลงสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ทีม "คลีฟแลนด์ การ์เดียนส์" (Cleveland Guardians) ทีมเบสบอลในเมเจอร์ลีก กลับไปใช้ชื่อเดิม "คลีฟแลนด์ อินเดียนส์" (Cleveland Indians) เช่นกัน

ทั้งนี้ ทีม "วอชิงตัน เรดสกินส์" เปลี่ยนชื่อทีมที่ใช้มานานกว่า 80 ปี เมื่อปี 2563 หลังถูกวิจารณ์ว่าเป็นชื่อที่เหยียดเชื้อชาติชนพื้นเมืองอเมริกัน ซึ่งทรัมป์คัดค้านมาตลอด


5.ญาติคนตายประท้วง แจงเหตุเครื่องบิน “เจจูแอร์” ตก

ญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินเชจูแอร์ตก เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ออกมาคัดค้านไม่ให้เจ้าหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและรถไฟ (ARAIB) แถลงผลรายงานการสอบสวนสาเหตุเครื่องบินตก ซึ่งญาติของผู้เสียชีวิตรู้สึกข้องใจที่ผลการตรวจสอบดูเหมือนว่าจะโยนความผิดให้กับนักบินที่ปิดสวิตช์เครื่องยนต์ที่ถูกนกชนผิดด้าน ไปปิดเครื่องยนต์ด้านซ้ายที่ไม่ได้ถูกชน จนเครื่องตกไถลออกนอกรันเวย์ชนกับฐานเสานำทางลงจอดปลายรันเวย์และกำแพงสนามบิน และเกิดระเบิดลุกไหม้ตามมา มีผู้เสียชีวิตถึง 179 คน จากทั้งหมด 181 คน

ญาติผู้เสียชีวิตมองว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เป็นเพราะฐานเสานำทางไม่ใช่วัสดุยืดหยุ่น และไม่ควรสร้างกำแพงใกล้รันเวย์ขนาดนั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง