สหรัฐฯ ประกาศถอนตัวจากองค์การ “ยูเนสโก” (UNESCO) โดยให้เหตุผลว่า “ยูเนสโก” ไม่สอดคล้องกับนโยบาย "อเมริกาเฟิร์ส" ของสหรัฐฯ และยังยอมรับรัฐปาเลสไตน์เป็นรัฐสมาชิกซึ่งขัดต่อนโยบายของสหรัฐฯ
วันนี้ (23 ก.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “แทมมี บรูซ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ แถลงว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ตัดสินใจจะนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) โดยจะเริ่มปลายปีหน้า
ทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวหาว่า “ยูเนสโก” สนับสนุนนักโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีอุดมการณ์สำหรับการพัฒนาระหว่างประเทศที่ขัดแย้งกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ นั่นคือ "อเมริกาเฟิร์ส" (America First) หรือ "อเมริกาต้องมาก่อน" และหากยังยุ่งเกี่ยวกับ “ยูเนสโก” ก็ไม่เป็นประโยชน์กับทางสหรัฐฯ นอกจากนี้ การตัดสินใจของ “ยูเนสโก” ที่ยอมรับรัฐปาเลสไตน์เป็นรัฐสมาชิกนั้นมีปัญหาอย่างยิ่ง ขัดต่อนโยบายของสหรัฐฯ และยังเป็นเหตุให้เกิดการกล่าวโจมตีอิสราเอลเพิ่มมากขึ้น
ด้าน “ออเดรย์ อาซูเลย์” ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก ระบุว่า รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของ “โดนัลด์ ทรัมป์” แต่ก็เป็นสิ่งที่คาดการณ์ไว้แล้ว และยูเนสโกได้เตรียมรับมือเรื่องนี้ไว้แล้ว
ทั้งนี้ “โดนัลด์ ทรัมป์” เคยประกาศเมื่อปี พ.ส.2560 ในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรกว่าจะถอนตัวจากยูเนสโก หลังกล่าวหาว่ายูเนสโกมีแนวคิดไม่เป็นกลางต่อต้านอิสราเอล