ชาวบ้านถูกน้ำซัด เกาะเสาไฟ - ข่วงเมืองน่าน น้ำท่วมแล้ว!

View icon 133
วันที่ 24 ก.ค. 2568 | 07.08 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - ชาวน่านระทมหนัก น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือน โบราณสถาน และเขตเศรษฐกิจในพื้นที่เทศบาลฯ ไปแล้ว 21 ชุมชน ล่าสุด น้ำไหลเข้าท่วมโรงพยาบาลน่าน ต้องประกาศหยุดให้บริการชั่วคราว

ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง โพสต์คลิปชาวบ้าน ไม่แน่ใจว่าหญิงหรือชาย มือหนึ่งเกาะเสาไฟ มืออีกข้างกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น เพื่อไม่ให้ตัวเองและมือถือถูกน้ำพัด ช่วง 23.30 น. เจ้าของคลิป ระบุเห็นเขาเกาะเสาแบบนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว พิกัดคลินิกหมอเจนจิรา หัวสะพานโรงพยาบาลน่าน ฝั่งบ้านบุปาผาราม ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เรือเล็กใช้ไม่ได้ ต้องรอทีมเจสกีมาถึงเช้าวันนี้

ระดับน้ำในแม่น้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้พนังกั้นน้ำล้ม น้ำไหลเข้าท่วมโรงพยาบาลน่าน ทำให้ต้องเคลื่อนย้ายผู้ห้องฉุกเฉิน ไปที่กองบิน 466 สนามบินน่าน ช่วงประมาณ 20.00 น.ของเมื่อวาน

เนื่องจากไฟฟ้าในหอผู้ป่วยหลายส่วนเริ่มดับ และศูนย์สั่งการ 1669 ปิดทำการ เพื่อขนย้ายข้าวของและจัดหาที่ทำการสำรอง

ล่าสุด โรงพยาบาลน่าน ประกาศปรับบริการชั่วคราวจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยผู้ป่วยฉุกเฉินจะให้บริการที่โรงพยาบาลสนาม กองบิน 466 สนามบินน่าน ส่วนผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยนัดทุกแผนก รวมถึงการผ่าตัดที่ไม่ใช่ฉุกเฉิน ขอหยุดให้บริการชั่วคราว หากกลับมาให้บริการปกติเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

อีกจุดที่น่าเป็นห่วง "ข่วงเมืองน่าน" แลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดน่าน ซึ่งมีทั้งวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร และวัดภูมินทร์ พบน้ำจากอำเภอท่าวังผา หลากเข้าสู่ตัวเมืองอย่างต่อเนื่อง

โดยบริเวณสี่แยกโรงเรียนราชานุบาล ช่วง 22.00 น. พบน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน โบราณสถาน และเขตเศรษฐกิจของเทศบาลเมืองน่านไปแล้ว 21 ชุมชน แม้ชาวบ้านจะวางกระสอบทรายกั้นแล้วก็ตาม เพราะระดับน้ำสูงขึ้น รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้แล้ว

ขณะที่ วัดภูมินทร์ น้ำไหลเข้าท่วมลานพระอุโบสถและฐานเจดีย์ ถึงบริเวณวิหารจัตุรทิศ แต่ยังไม่เข้าท่วมภายในวิหารที่มีภาพวาด "ปู่ม่านย่าม่าน กระซิบรักบันลือโลก" แม้ภาพจิตรกรรมภายในยังไม่ถูกน้ำโดยตรง แต่ก็เสี่ยงความชื้นใต้ดินที่อาจทำให้พื้นผิวภาพเสียหายหรือแตกได้

ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ยอมรับว่าปีนี้น้ำมากกว่าปี 2567 โดยระดับน้ำในแม่น้ำน่าน บริเวณสะพานพัฒนาภาคเหนือขึ้นสูงที่สุด ที่ 9.51 เมตร จากนั้นจะเริ่มทรงตัว หากไม่มีฝนตกเพิ่มน่าจะคลี่คลายวันพรุ่งนี้ (25 ก.ค.)

มีชาวเน็ตโพสต์ภาพระทึก บ้านหลังหนึ่งถูกแม่น้ำน่านกัดเซาะจนทรุดตัว ก่อนถูกกระแสน้ำพัดไปกระแทกสะพานข้ามแม่น้ำ

ส่วนจังหวัดแพร่ เกิดเหตุวุ่นวายเล็กน้อยในเขตเทศบาลเมืองแพร่ มีชาวบ้านไปกรีดทำลายถุงบิกแบ็ก ที่วางไว้ป้องกันน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจเสียหาย 6 ถุง ทำให้ นายสุริยา อินต๊ะนอน นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ ต้องไปตรวจสอบ จนพบว่าเป็นชาวบ้านที่อยู่นอกพนังกั้นน้ำ เกิดไม่พอใจ ไม่อยากให้บ้านของตัวเองต้องถูกน้ำท่วม

ซึ่งนายกเทศมนตรี ขอความร่วมมืออย่าทำลาย และไม่ต้องห่วงหากบ้านน้ำ เพราะเตรียมมาตรการชดเชยและช่วยเหลือไว้หมดแล้ว ยืนยันไม่ทอดทิ้งแน่นอน หากปล่อยน้ำเข้าเมืองจะเสียหายหลายร้อยล้านบาท

ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ชาวบ้านเพิ่งจะได้นอนหลับอย่างสบายใจ ช่วง 4 ทุ่มกว่า ๆ หลังน้ำในแม่น้ำสายลดระดับลง จากก่อนหน้าที่ระดับน้ำสูงเกินตลิ่ง น้ำบางส่วนไหลทะลุกำแพงเข้าท่วมบ้านเรือนในชุมชนสายลมจอย ทำให้ทหารช่างต้องนำบิกแบ็กมาอุด และสร้างพนังกั้นน้ำให้สูงจากตลิ่งเดิม 1-2 เมตร 

มีรายงาน อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย เผชิญน้ำป่าไหลหลาก เช่น ที่บ้านทรายทอง ตำบลปอ กระแสน้ำกัดเซาะถนนเชื่อมระหว่างหมู่บ้านพังลงน้ำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปิดเส้นทางไม่ให้สัญจร

ที่บริเวณสี่แยกหล่ายงาว และตำบลม่วงยาย ต้องปิดการจราจร เพราะน้ำเอ่อท่วมถนน ตลอดจนบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร

นอกจากอำเภอเวียงแก่น ยังพบอำเภอเทิง ถูกน้ำท่วมถึงพื้นที่เศรษฐกิจ ถนนหนทาง สถานที่ราชการหลายแห้ง จมอยู่ใต้น้ำ โดยเฉพาะโรงพยาบาลเทิง ต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป พร้อมทั้งย้ายผู้ป่วยอาการไม่หนักไปยังโรงพยาบาลข้างเคียง ชาวบ้านบอกอำเภอเทิงเคยถูกน้ำท่วมหนักปี 2538 และทิ้งช่วงไปนาน กระทั่งมาท่วมหนักเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่ 2 ที่น้ำท่วมหนัก ในความเห็นส่วนตัว เชื่อสาเหตุน้ำท่วมอาจมาจากสร้างถนนสูง จนขวางทางน้ำ ไม่สามารถไหลข้ามฟากไปได้ อยากให้ผู้เกี่ยวข้องหาทางแก้ไข

ปิดท้ายที่พะเยา น้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำ ที่ไหลลงสู่ลำน้ำแม่ต๋ำ ได้เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนและถนนในเขตชุมชนตำบลแม่ต๋ำ และชุมชนติดกว๊านพะเยา บ้านเรือนหลายร้อยหลังได้รับผลกระทบ ถนนในซอยมีน้ำท่วมขังสูง 50-70 เซนติเมตร บางซอยรถเล็กสัญจรผ่านไม่ได้ รถติดเป็นทางยาว

สภาพอากาศโดยทั่วไปจังหวัดพะเยา ฝนได้หยุดตกบ้างแล้ว แต่น้ำยังท่วมขัง ทางเทศบาลเมืองพะเยาได้เตรียมทรายและกระสอบไว้ให้ชาวชุมชนแม่ต๋ำ นำไปปิดกั้นทางน้ำที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน