ข่าวภาคค่ำ - จากวิกฤตศรัทธาวงการสงฆ์ ที่เกิดขึ้นจากคดีอื้อฉาวในช่วงนี้ เป็นโอกาสที่ทุกฝ่ายจะหันมาช่วยกันอุดช่อง ป้องกันพระพุทธศาสนา จากปัญหาพระ สีกา เรื่องเงินทอง ๆ ของวัด ไม่ให้ซ้ำรอยอีก ติดตามจากรายงานพิเศษของคุณเจษฎา อุปนิ
ไม่มีครั้งไหน ที่พระพุทธศาสนาต้องเผชิญกับมรสุมข่าวฉาวเท่ากับครั้งนี้ เมื่อพระบางรูป ประพฤติผิดพระวินัย ครั้งใหญ่สุด ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย จนผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้มีศรัทธา เพราะพระสงฆ์คือครูผู้ให้แสงสว่างแห่งปัญญา
หลังคดีอื้อฉาวระหว่างพระและสีกา ผุดออกมารายวัน ตกตะลึงกันทั้งวงการสงฆ์ ตั้งแต่จักรวาลสีกากอล์ฟ ตำนานสึกพระชั้นผู้ใหญ่ มากที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
อีกคดีใหญ่ พระดัง อดีตเจ้าคณะเมืองปากน้ำโพธิ์ พัวพันสีกา เข้าข่ายมีโลกหลายใบ
สังคมตั้งคำถาม ถึงเวลาเอาผิดพระเสพเมถุนกับสีกา มากกว่าอาบัติปาราชิก แค่ประหารชีวิตทางธรรม แต่กลับมาบวชอีกยังไม่เพียงพอ เพราะต้องรับผลการกระทำทางโลก หรือ ความผิดตามกฎหมายด้วย
จนมีการเสนอแก้กฎหมายกำหนดบทลงโทษ และ ตั้งศาลศาสนาตัดสินคดีสงฆ์ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
นอกเหนือจากขั้นตอนการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษตามพระธรรมวินัย ของมหาเถระสมาคม เพื่อความโปร่งใส ป้องกันปัญหาซ้ำรอยในอนาคต และกู้ศรัทธากลับคืนมา
อีกข้อเสนอ มาตรการทางสังคม เน้นการมีส่วนร่วมคนในพื้นที่ จัดตั้งวัดสีขาว วัดตัวอย่าง จัดทำทะเบียนประวัติทางธรรม คัดกรองบุคคล มีเครือข่ายอาสาสมัครชาวพุทธ คอยเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลพฤติกรรมพระที่ประพฤติไม่เหมาะสม
ล่าสุด ที่ประชุม มส.เห็นชอบแก้กฎมหาเถรสมาคม 2 ฉบับ เพื่อเอาผิดพระและฆราวาสที่ร่วมกันทำผิด ทั้งเรื่องเงินและชู้สาว รื้อกฎหมายฉบับเดิมที่ล้าหลัง ให้อำนาจวินิจฉัยชี้ขาดเป็นของคณะสงฆ์ และหากปรากฏหลักฐานชัดขั้นปาราชิก ต้องกำหนดบทลงโทษภายใน 10 วัน
ท่ามกลางข่าวอื้อฉาว แต่ก็ยังมีพระสงฆ์อีกจำนวนมาก เปรียบเหมือนแสงเทียนเล็ก ๆ ส่องสว่างอยู่ในเงามืด สร้างศรัทธา และเสียสละ ปฏิบัติหน้าที่เผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธ เพื่อให้ธรรมะยังอยู่ในใจ ไม่ลืมศรัทธาในธรรม
