ผลกระทบปะทะไทย-กัมพูชา

View icon 80
วันที่ 25 ก.ค. 2568 | 07.01 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ได้รู้เช่นเห็นชาติกัมพูชา เปิดฉากโจมตีก่อนอย่างไร้มนุษธรรม ใช้อาวุธหนักรถยิงจรวด ที่เรียกกันว่า "BM-21 Grad" จากวิถีการยิง ไม่รู้ว่าทหารกัมพูชา ยิงมั่ว หรือล็อกเป้าจงใจ กระสุนปืนตกใส่บ้าน ส่งผลกระทบต่อคนไทย 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ต้องหนีอพยพหอบลูกจูงหลานอลหม่าน บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

ไล่เรียงตั้งแต่พื้นที่จังหวัดสุรินทร์ นอกจากปราสาทตาเมือนธมแล้ว กระสุนปืนใหญ่ของทหารกัมพูชา ตกใกล้ชุมชนในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพนมดงรัก และที่ตำบลบ้านชบ อำเภอสังขะ, ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง โดยที่บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก ชาวบ้านต่างเก็บข้าวของรีบอพยพเข้าบังเกอร์หลบภัย เพื่อรอผู้นำชุมชนมาลำเลียงชาวบ้านออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์อพยพ ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดหลายสิบกิโลเมตร และพบบางครอบครัวต้องสูญเสียคนในครอบครัวไปต่อหน้าต่อตา เพราะกระสุนปืนใหญ่ตกลงกลางบ้านพอดิบพอดี บางบ้านเด็กอายุ 2 เดือน เด็กนักเรียน โดนสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บ

และที่หดหู่ สะเทือนใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น หญิงสูงอายุร่ำไห้ปริ่มขาดใจ อุ้มหลานตัวน้อยหนีตายออกจากบ้านมาในสภาพที่สองมือกอดประคองร่างหลานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 

อีกจุด ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มน้ำมัน พื้นที่บ้านผือใหญ่ ตำบลเมือง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ไม่นานหลังกระสุนปืนใหญ่ที่ทหารกัมพูชา ยิงข้ามอธิปไตยมาตกใส่อาคาร ซึ่งจุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 20 กิโลเมตร ไม่ใช่เขตพื้นที่สงคราม และพื้นที่ทหาร ก็เกิดเพลิงโหมลุกไหม้อาคาร เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงจนสงบ เข้าตรวจสอบพบมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน บาดเจ็บ 13 คน เป็นชาวบ้านที่มาซื้อของ และพนักงานร้านสะดวกซื้อ เจ้าหน้าที่นำคนเจ็บส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์

จากที่เห็นในคลิปจะมีพนักงานร้านสะดวกซื้อที่รอดตาย 3 คน ยืนร้องไห้ เสียขวัญ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์นี้กับตัวเอง โดยปั๊มน้ำมันจุดนี้ มีรายงานว่า สภาพศพ แม่-ลูก ลักษณะคล้ายกับแม่ลูกกำลังกอดกัน เบื้องต้นคาดว่าไม่ได้ถูกแรงระเบิดโดยตรง แต่คาดว่าถูกไฟคลอก สำลักควัน

ขณะที่ ตำบลเสาธงชัย จังหวัดสุรินทร์ กำนันตำบลเสาธงชัย เผยว่า ช่วงเกือบ 18.00 น. เมื่อวาน เสียงยิงปืนจากฝ่ายกัมพูชา เริ่มสงบลง ตนจึงกล้าออกมาจากหลุมหลบภัย พร้อมเล่าว่าตลอดทั้งวันเมื่อวาน ตนเอง เจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชน เร่งอพยพชาวบ้านทั้ง 13 หมู่บ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอไม่สามารถช่วยตนเองได้ออกจากพื้นที่หมดแล้ว

เมื่อคืน ทีมข่าวไปสำรวจศูนย์พักพิง เท่าที่ได้คุยกับชาวบ้านหลายคน รับว่าคืนแรกที่มานอนในศูนย์พักพิง มีข้าวกินอิ่มท้อง แต่รู้สึกหวาดกลัว และตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ

ที่บ้านโพนทอง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชบุรี อยู่ห่างจากช่องบกไปประมาณ 25 กิโลเมตร ชาวบ้านตกอยู่สถานการณ์ไม่ต่างกัน มีบ้านเรือนถูกกระสุนปืนยิงตกใส่ เสียหายหลายหลัง โดยมีบางหลังทั้งหลังคาและปูนฉาบผนัง ถูกแรงระเบิดกระจุยหายไปทั้งแถบ

หนึ่งในชาวบ้านที่รอดตาย เล่าว่า ตอนเช้าไปทำนาตามปกติ พอขับรถมาถึงบ้าน กำลังลงจากรถ กระสุนปืนใหญ่ก็ตกลงมาตรงหน้าบ้านพอดิบพอดี เคราะห์ดีที่ตอนนั้นยังไม่เข้าไปในบ้าน ไม่อย่างนั้นต้องมีคนตายหลายคนแน่ ๆ

ยังมีอีกหลายหมู่บ้านในตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้รับผลกระทบ คือ บ้านกุดเชียงมุน, บ้านจันลา, บ้านโพนทอง มีกระสุนปืนใหญ่ยิงตกใส่บ้าน เสียหาย 7 หลัง โดยหนึ่งในผู้ประสบเหตุก็คือครอบครัว นายปอด อายุ 80 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนภรรยา อายุ 65 ปี ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

เช่นเดียวกับที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีกระสุนปืนใหญ่ตกที่บ้านขี้เหล็ก ตำบลและอำเภอบ้านกรวด และที่บ้านสายโท ตำบลสายตะกู มากกว่า 6 ลูก ในเขตชุมชนใกล้กับโรงพยาบาลบ้านกรวด ส่งผลให้ นายบุญนำ อายุ 53 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณแขนและขา เป็นแผลฉีกขาด และมีวัวของชาวบ้านตายอีก 2 ตัว

สถานการณ์ไม่น่าวางใจ เจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยประมาณ 70 คน ออกจากโรงพยาบาลบ้านกรวด ไปรักษายังโรงพยาบาลที่ปลอดภัยกว่าเดิม กระทั่งช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีรายงานข่าวสั่งให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบ้านกรวด อำเภอบ้านกรวด ถอนกำลังออกจากพื้นที่โดยด่วน

การที่ทหารกัมพูชาเปิดฉากโจมตีอย่างไร้มนุษธรรม ยิงกระสุนปืนตกใส่โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดสุรินทร์ และโรงพยาบาลกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข ต่างประณามการกระทำละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาเจนีวาอย่างร้ายแรง กระทำต่อเด็ก ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ ถือเป็นการกระทำน่าละอาย ข้ามเส้นแบ่งความเป็นมนุษย์ที่ปรากฏตามมาตรา 18 แห่งอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 ระบุไว้ว่า โรงพยาบาลทุกแห่งต้องไม่ถูกโจมตี ไม่ว่าสถานการณ์ใดก็ตาม และต้องได้รับการคุ้มครองสูงสุด

มาสรุปความช่วยเหลือเมื่อวานทั้งวัน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เผยว่าอพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ มากกว่า 100,000 คน ไปยังศูนย์พักพิง 295 แห่ง พร้อมย้ำสถานการณ์ขณะนี้ "ห้ามผู้อพยพกลับไปยังหมู่บ้าน" จนกว่าจะมีประกาศ

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุปะทะครั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดช่วง 21.00 น. ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน พลเรือน เสียชีวิต 13 คน บาดเจ็บ 32 คน ส่วนทหารเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 14 นาย

กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ แจ้งเตือนคนไทยที่พำนักและทำงานในกัมพูชา ให้เดินทางออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัย และขอให้ติดตามข่าวสาร ประกาศแจ้งเตือน และแนวทางปฏิบัติในภาวะฉุกเฉินจากทางสถานเอกอัครราชทูตไทยอย่างใกล้ชิด งดเดินทางไปยังกัมพูชาจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หากต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งได้ที่แอปพลิเคชัน Thai Consular