ไทยไม่หวั่น ใช้ความจริง กรณีสถานการณ์ไทยกัมพูชา เข้าสู้ในเวทีสหประชาชาติ

ไทยไม่หวั่น ใช้ความจริง กรณีสถานการณ์ไทยกัมพูชา เข้าสู้ในเวทีสหประชาชาติ

View icon 327
วันที่ 25 ก.ค. 2568 | 15.28 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รัฐบาล ไม่หวั่น!  ยืนยันไทยใช้หลักฐานสู้ด้วยความจริงในเวทีสหประชาชาติ  เผยแพร่ข้อเท็จจริง กรณีสถานการณ์ไทยกัมพูชา  ย้ำจุดยืนสันติภาพภายใต้หลักกฎหมายสากล ชี้ชัดกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน

15.00 น วันนี้ (25 ก.ค.68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์   โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ และคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก  ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างตรงไปตรงมา  บนพื้นฐานของหลักฐานที่ตรวจสอบได้ ภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ

เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง  ที่ฝ่ายกัมพูชาได้เลือกใช้กำลังทางทหารก่อนและยังเป็นการปฏิบัติที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรม   เป็นเครื่องมือในการจัดการกับข้อพิพาท    ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่สอดคล้องกับพันธกรณีของรัฐภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ   ทั้งยังเป็นการบ่อนทำลายหลักการพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในภูมิภาค    ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงและเสถียรภาพในอาเซียน

ล่าสุด คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ส่งหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาไปยังคณะผู้แทนถาวรและคณะผู้สังเกตการณ์ถาวรประจำสหประชาชาติในนครนิวยอร์กทั้งหมด ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้  

1. ชี้แจงเหตุทุ่นระเบิด เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม 2568    ขณะทหารไทยลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนไทย ได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ทำให้ทหาร  2 นายพิการถาวร และอีกหลายรายบาดเจ็บสาหัส   ทุ่นระเบิดที่พบอยู่ในสภาพใหม่   บ่งชี้ว่าถูกวางไม่นาน  ประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดตั้งแต่ปี 2546   และเลิกใช้เพื่อฝึกอบรมในปี 2562    ขณะที่รายงานของกัมพูชาระบุว่ายังคงครอบครองทุ่นระเบิดชนิดนี้อยู่

2. ชี้แจงเหตุโจมตีทางทหาร เมื่อ 24 กรกฎาคม 2568   เวลา 8.20 น. ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์   และขยายการโจมตีใน 4 จังหวัดชายแดน คือ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี   ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บ 24 ราย   อาการสาหัส 8 ราย    และมีผู้ต้องอพยพกว่า 102,000 คน   การโจมตีแบบไม่เลือกเป้า   สร้างความเสียหายแก่พลเรือน โรงพยาบาล และโรงเรียน   ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง

3. กัมพูชาละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ การกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดมาตรา 2(4)  แห่งกฎบัตรสหประชาชาติอย่างชัดเจน    ไทยพยายามอดกลั้นอย่างถึงที่สุด    แต่จำเป็นต้องใช้สิทธิในการป้องกันตนเองตาม   มาตรา 51 โดยการตอบโต้ของไทยมีขอบเขตจำกัด และมุ่งเฉพาะภัยคุกคามที่เกิดขึ้น

4. กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ไทยประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีพลเรือนและโรงพยาบาล    ซึ่งละเมิดอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 และ 4    ถือเป็นการกระทำไร้มนุษยธรรม ที่ก่อความทุกข์ทรมานแก่ผู้บริสุทธิ์    และ  5. ไทยยึดมั่นสันติวิธี  ยืนยัน ไม่ใช้กำลังในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดยิงทันที กลับเข้าสู่การเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ซึ่งกำหนดการประชุมช่วงต้นเดือนกันยายน 2568

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงสนับสนุนความพยายามของประเทศไทยในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งแม้ในขณะที่ประเทศไทยได้แสดงวุฒิภาวะของประเทศที่ยึดมั่นตามหลักกฎหมายและความรับผิดชอบ ฝ่ายกัมพูชากลับเลือกแนวทางที่บ่อนทำลายเสถียรภาพของภูมิภาค โดยเฉพาะการคร่าชีวิตพลเมืองผู้บริสุทธิ์ และทำลายความไว้วางใจจากนานาชาติ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ละเมิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ห่างไกลจากหลักการแห่งสันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง