เช้านี้ที่หมอชิต - สถานการณ์ชายแดนในจังหวัดอุบลราชธานี ขณะนี้หลายจุดแทบเป็นเมืองร้าง หลังชาวบ้านอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย อย่างที่อำเภอน้ำยืน เมื่อวานนี้ยังมีเสียงปืนดังเป็นระยะ
เสียงปืนดังเป็นระยะตามแนวชายแดน จ.อุบลราชธานี
จากเสียงปืนที่ยังคงดังต่อเนื่อง ในพื้นที่อำเภอน้ำยืน ตรงจุดใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพมาอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อความปลอดภัย
ตลาดร้างจากเหตุปะทะชายแดน จ.อุบลราชธานี
ส่วนตลาดสดน้ำยืน ที่ปกติจะมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของ ส่วนใหญ่ปิดเงียบหมดแล้ว มีเพียงพ่อค้าขายไก่ย่างส้มตำ ยังเปิดร้านขายอยู่กับภรรยา
ขณะที่หลาย ๆ พื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานี จากการสำรวจของผู้สื่อข่าว พบว่าประชาชนปิดบ้านเงียบ เพราะมีความกังวลว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อ และตอนนี้จังหวัดอุบลราชธานี มีการอพยพชาวบ้านจากพื้นที่เสี่ยงภัย เข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 76 จุด จำนวน 16,588 คน
ที่มาการเข้ายึดพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี
ส่วนเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับฝั่งกัมพูชา หลังจากทหารไทยยึดพื้นที่ช่องอานม้า ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า พื้นที่จุดนี้มีเหตุปะทะจากการรุกรานตั้งแต่เมื่อไร
เรื่องนี้เริ่มจากวันที่ 17 พฤษภาคม กองทัพกัมพูชามาตั้งฐานทหารบริเวณ "เนิน 745" พื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ฝั่งไทย
และหลังจากวันนั้น จึงมีเหตุปะทะจากการรุกราน โดยเฉพาะปลายเดือนพฤษภาคม มีการยิงกระสุนปืนใหญ่และจรวดที่ช่องอานม้า และตลอดแนวพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนขยายวงกว้างจนถึงปัจจุบัน
แต่ในที่สุดเช้าวานนี้ เวลา 08.00 น. ทหารไทยสามารถเข้ากระชับพื้นที่บริเวณช่องอานม้า และปักธงชาติไทยเป็นสัญลักษณ์
หลายคนสงสัย ทำไมกัมพูชาจึงต้องยึดพื้นที่ช่องอานม้า มีเหตุผลหลัก 4 ข้อ คือ
1. เป็นจุดสูงข่ม ช่องอานม้าเป็นเส้นทางธรรมชาติบนเทือกเขาพนมดงรัก เชื่อมชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถใช้สอดส่อง และควบคุมการเคลื่อนไหวกำลังทหารได้
2. เป็นพื้นที่ทับซ้อนอ้างสิทธิ์ของทั้งสองประเทศ เพราะยังไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะแนวเทือกเขาพนมดงรัก และแผนที่ทั้งสองประเทศที่ใช้อ้างอิงไม่ตรงกัน
3. แรงกดดันทางการเมืองภายในกัมพูชา ตลอดปีนี้ประเทศกัมพูชามีความตึงเครียดทางการเมือง การแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวกับไทย อาจเป็นกลยุทธ์เรียกคะแนนนิยมจากประชาชน ด้วยการแสดงความกล้าหาญ และรักษาเอกราช
4. อาจเป็นความพยายามต่อเนื่อง เพื่อแสดงสิทธิ์ครอบครองโดยพฤตินัย หลังศาลโลกตัดสินปราสาทพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชา ปี 2551