เช้านี้ที่หมอชิต - ตัดสลับกลับมาดูการตอบโต้กันระหว่าง "โฆษกกองทัพบก" พลตรี วินธัย สุวารี ที่แถลงตอบโต้ พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการแถลงข่าวชนิดที่เกิดคำถามว่า "อยู่โลกเดียวกันหรือเปล่า ?"
ย้อนกลับไปเมื่อวาน (27 ก.ค.) พลโทหญิง มาลี แถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยอย่างสิ้นเชิง กรณีที่ไทยอ้างว่ากัมพูชาใช้จรวด BM-21 ยิงถล่มบริเวณปราสาทตาเมือน
โดยบอกว่าเป็น "ข้อกล่าวหาที่ไม่สมเหตุสมผล และมีเจตนาร้ายอย่างชัดเจน" และยังอ้างว่าไทยเป็นฝ่ายยิงกระสุนปืนใหญ่เข้าใส่ปราสาทตาเมือน จึงเรียกร้องให้ไทยหยุดโกหก เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการรุกรานอันผิดกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ถ้าจำกันได้ วันที่ 24 กรกฎาคม เคยแถลงอ้างว่าไทยโจมตีกัมพูชาก่อน และวันที่ 25 กรกฎาคม เคยแถลงอ้างว่ารัฐบาลกัมพูชาโดนไทยถล่ม 8 จุด และปฏิเสธโจมตีพลเรือนในไทย
ด้าน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณี พลโทหญิง มาลี กล่าวหาว่าไทยสร้างเรื่องเท็จ และหาความชอบธรรมเพื่อรุกรานกัมพูชาว่า "ไทยเป็นประเทศที่รักสงบ ไม่คิดรุกรานใครอย่างที่มีการกล่าวอ้าง กรณีมีปัญหาจะใช้แนวทางสันติวิธี อาศัยความอดทนอดกลั้นมาตลอด แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้บีบบังคับ เป็นฝ่ายเริ่มต้นในการใช้กำลังก่อน ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ป้องกันตนเอง เนื่องจากถูกรุกราน"
พลตรี วินธัย บอกด้วยว่า ในช่วงที่ผ่านมา พบฝ่ายกัมพูชามักละเมิดกฎกติกา และหลักมนุษยธรรมสากล มีการใช้จรวดพิสัยไกลแบบไม่เลือกเป้า ใช้อาวุธปืนใหญ่ และจรวดยิงถล่มใส่ชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหารอยู่หลายครั้ง
ชัดเจนว่าเป็นการจงใจโจมตีเป้าหมายพลเรือน รวมถึงการนำอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกล ไปตั้งในเขตชุมชน เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้กลับ ถือเป็นการใช้ "Human Shields" ซึ่งผิดอนุสัญญาเจนีวา
นอกจากนี้มีการใช้เด็ก และผู้หญิงเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อหลอกลวงสายตาประชาคมโลก หวังให้เข้าใจว่าตัวเองคือ ผู้ถูกกระทำ
สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวไปในข้างต้น เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ขอเรียนว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายที่กำลังพยายามบิดเบือนสายตาของประชาคมระหว่างประเทศ ไม่ใช่ฝ่ายไทย