ปะทะหนักตลอดแนวชายแดน ก่อนหยุดยิง

View icon 125
วันที่ 29 ก.ค. 2568 | 11.01 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - เมื่อคืนมีการยิงปะทะกันหนักมากในพื้นที่ชายแดน 4 จังหวัด คือ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และ บุรีรัมย์ ก่อนจะถึงเส้นตายหยุดยิงในเวลาเที่ยงคืน จุดที่หนักจริง ๆ อยู่ที่ ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ และ ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ

ปะทะหนักตลอดแนวชายแดน ก่อนหยุดยิง
ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากถล่มอย่างหนักหน่วง ตั้งแต่ 20.00 น. ไปจนถึงเที่ยงคืน ทหารกัมพูชาหลายกองพันพยายามบุกเข้าตี พยายามยึดปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ก่อนถึงเดตไลน์เที่ยงคืน ทหารไทยโต้กลับ มีการปะทะอย่างดุเดือด ใช้อาวุธหนักปืนใหญ่หลายแบบยิงตอบโต้กลับไป เพื่อสกัดเส้นทางการเคลื่อนกำลัง

ฝ่ายกัมพูชาต้องการยึดให้ได้อยู่ที่ปราสาทตาควาย จุดนี้ชัยภูมิของทางกัมพูชาได้เปรียบเพราะเป็นที่สูง ฝ่ายไทยอยู่ที่ต่ำกว่า เป็นชัยภูมิที่เสียเปรียบ ทหารไทยที่ตั้งแนวมีหลายหน่วย ทั้งกองพันปฏิบัติการพิเศษ กรมรบพิเศษที่ 3, กรมทหารราบที่ 8, กรมทหารราบที่ 23, กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 ได้ระดมสรรพกำลังตรึงพื้นที่และตีโต้กลับ

จนกระทั่งเวลา 23.00 น.เศษ กองทัพอากาศได้ส่งเครื่องบินแบบ F-16 หลายลำนำลูกระเบิด ขนาด 2,000 ปอนด์ 2 ลูก ขนาด 500 ปอนด์ อีก 6 ลูก รวมน้ำหนัก 7,000 ปอนด์ ไปทิ้งใส่จุดที่ทหารกัมพูชาเคลื่อนพลอยู่ใกล้ปราสาทตาควายประมาณ 4 กองร้อย จำนวนระหว่าง 400-600 นาย ซึ่งทหารเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหน้า โดยภาพที่เห็นเป็นแสงสว่างของแรงระเบิด ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล

จุดนี้ฝ่ายกัมพูชามีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึง นายทหารระดับสูง คือ พล.อ สรัย ดึ๊ก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 เสียชีวิตจากเหตุปะทะ ซึ่งต้องรอยืนยันอีกครั้ง

ส่วนฝ่ายไทยได้รับการยืนยันว่า มีทหาร 3 นาย เสียชีวิต คือ สิบเอก อัมรินทร์ ผาสุข กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23, พลทหาร สิรวิชญ์ ภิญโญสุข กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8 และ จ่าสิบเอก อโณทัย ป้องแก้ว กองพันปฏิบัติการพิเศษ 

นอกจาก 3 นายแล้ว ยังมีทหารได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง รถพยาบาลจากหลายพื้นที่วิ่งกันขวักไขว่เข้าไปรับทหารที่บาดเจ็บนำไปรักษาที่โรงพยาบาลประโคนชัย และโรงพยาบาลในตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ก็ต้องรอยืนยันจากกองทัพบกอีกครั้งว่า มีทหารของเราได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด

ภูมะเขือ ปะทะหนัก
อีกจุดหนึ่งที่มีการปะทะกันรุนแรง คือ ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ทหารไทยเข้ายึดคืนจากทหารกัมพูชา ได้เมื่อวันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พร้อมกับทำลายฐานที่ตั้งของฝ่ายกัมพูชาบริเวณด้านล่างภูมะเขือ และทำลายกระเช้าขนส่งขึ้นภูมะเขือ ฝ่ายกัมพูชาพยายามจะยึดคืนมาโดยตลอด เพราะเป็นชัยภูมิสูง สามารถมองเห็นกำลังฝ่ายไทยได้โดยรอบ จุดนี้จึงมีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่อง ตลอดเวลาก่อนจะถึงเวลาเที่ยงคืนก่อนจะหยุดยิงทั้ง 2 ฝ่าย

ธงชาติไทยโบกสะบัดบนภูมะเขือ
เสียงเพลงชาติไทยดังกระหึ่มอีกครั้งจากทหารไทยติดอาวุธ ที่ประจำการอยู่บนฐานภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ในช่วงเวลา 18.00 น. วานนี้ (28 ก.ค.) หลังมีผลเจรจาให้ทั้ง 2 ประเทศ หยุดยิงในเวลาเที่ยงคืน

ส่วนที่ ช่องบก ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ก่อนเวลาหยุดยิง ก็มีการยิงปะทะกันด้วยอาวุธหนัก จุดนี้มีรายงานว่าทหารไทยพลีชีพไป 1 นาย และบาดเจ็บอีก 13 นาย เมื่อคืนยังมีโดรนไม่ทราบฝ่ายบินเข้ามาในพื้นที่ อำเภอน้ำขุ่น ที่อยู่ติดกับ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจุดที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และนักข่าวไปเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ จุดนี้มีการอพยพชาวบ้านออกไปหมดแล้ว ทำให้ทุกคนต้องรีบปิดไฟ หลบเข้าที่กำบังทันที และตรวจสอบหาที่มาของโดรนลำดังกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง