พลทหารสิรวิชญ์ ส่งคลิปสุดท้ายให้แม่ ชูสองนิ้วพร้อมกับพูดว่า “สู้ตายแม่ สู้ตาย” ก่อนพลีชีพเพื่อชาติ จากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบครัวเผย “เสียใจแต่ภูมิใจ”
ที่บ้านซ่งหนองขาม หมู่ 4 ต.หนองแดง อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น นายไพศาล วงษ์ชีวะสกุล นายอำเภอสีชมพู พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไป เพื่อพบกับครอบครัวของ พลทหารสิรวิชญ์ ภิญโญสุข สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8 ค่ายมหาศักดิพลเสพ จ.ขอนแก่น หรือ “พลทหารเต๊ะ” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมมอบสิ่งของเพื่อให้กำลังใจกับครอบครัวและแจ้งการดำเนินการพิธีพระราชทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติให้กับครอบครัวทราบ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัวพลทหารที่เสียชีวิต แต่ภูมิใจที่ลูกได้ทำหน้าที่เสียสละปกป้องประเทศจนลมหายใจสุดท้าย
นายดำรงศักดิ์ ภิญโญสุข อายุ 49 ปี และนางสาวสุพรรณษา กองราชา อายุ 47 ปี พ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ครอบครัวได้ทราบข่าวลูกชายเสียชีวิตช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าพลทหารสิรวิชญ์ เสียชีวิตจากการยิงปะทะเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. โดยก่อนหน้านั้นครอบครัวไม่สามารถติดต่อกับลูกชายได้ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยการพูดคุยครั้งสุดท้าย คือ ลูกชายส่งคลิปวิดีโอที่เขาถ่ายตัวเองในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศขณะนั่งอยู่ในบังเกอร์ภายในพื้นที่ปฏิบัติการ และกล่าวในคลิปว่า “สู้ตายแม่ สู้ตาย” พร้อมชูสองนิ้ว จากนั้นก็ปิดเครื่องไม่สามารถติดต่อได้อีก โดยพลทหารสิรวิชญ์ เป็นบุตรชายคนโตของครอบครัว มีน้องสาว 1 คน เข้ารับราชการทหารโดยสมัครเป็นทหารกองประจำการ ผลัดที่ 2/2567 ด้วยความตั้งใจจะรับใช้ชาติ โดยก่อนสมัครได้ฝากน้องสาวช่วยดูแลแม่ เพราะเห็นว่าตนเองไม่มีภารกิจใด ๆ ที่บ้าน และอยากทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ แม่จึงพาไปสมัคร
ผู้เป็นแม่กล่าวทั้งน้ำตาว่า แม้จะเสียใจอย่างสุดหัวใจ แต่ก็รู้สึกภูมิใจที่ลูกชายได้ทำหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศชาติ และจากไปอย่างสมเกียรติ ลูกชายเคยพูดว่าจะขอเป็นทหารต่อ เพราะคิดว่าหากไปเรียนต่อคงไม่รอด เนื่องจากเรียนไม่เก่ง แต่เขามั่นใจในสภาพร่างกายและหัวใจที่เต็มร้อยพร้อมจะรับใช้ชาติ ซึ่งของแทนใจชิ้นสำคัญที่ลูกชายทิ้งไว้ให้ครอบครัว คือรถจักรยานยนต์ที่เจ้าตัวรักมาก
ที่ผ่านมาพลทหารสิรวิชญ์มักจะถ่ายคลิปและภาพถ่ายส่งมาให้แม่ดูเป็นระยะ เพื่อเล่าให้ฟังว่าอยู่จุดไหน ทำหน้าที่อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อปฏิบัติหน้าที่ในบังเกอร์ก็จะถ่ายภาพมาส่งเสมอ ไม่เคยบ่นถึงอันตรายหรือความลำบาก ทำให้ครอบครัวไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่เมื่อมีข่าวการสู้รบและการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ก็เริ่มเกิดความกังวลและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
นายดำรงศักดิ์ ผู้เป็นพ่อ กล่าวด้วยความภูมิใจว่า ลูกชายได้สร้างความภาคภูมิใจอย่างยิ่งให้กับครอบครัว และการเสียชีวิตในครั้งนี้ถือเป็นการเสียสละอย่างสูงสุดเพื่อประเทศชาติ ก่อนจะทราบข่าวการเสียชีวิต ก็ไม่มีลางบอกเหตุหรือสิ่งผิดปกติใด ๆ เพียงแต่ช่วงที่ลูกชายขาดการติดต่อในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ก็ได้แต่บ่นถามหากันในบ้าน กระทั่งได้รับคลิปสุดท้ายที่ลูกชายส่งมาให้
ด้านนายไพศาล วงษ์ชีวะสกุล นายอำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า หลังจากได้ทราบข้อมูลก็ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในพื้นที่และระดับจังหวัด เพื่อนำสิ่งของเข้าไปมอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นเบื้องต้น พร้อมพูดคุยให้กำลังใจ และได้ฝากทางผู้นำชุมชนช่วยดูแลสภาพจิตใจของครอบครัวในระยะยาวอย่างใกล้ชิด
สำหรับพิธีบำเพ็ญกุศลและพระราชทานเพลิงศพ ได้จัดเตรียมสถานที่ที่วัดสายทอง บ้านโพธิ์ทอง หมู่ 7 ตำบลหนองแดง อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น โดยมีกำลังพลจากหน่วยต้นสังกัดของพลทหารสิรวิชญ์ นำกำลังเข้าปรับปรุงพื้นที่วัดร่วมกับชาวบ้าน เพื่อจัดสร้างเมรุชั่วคราวบริเวณลานหน้าวัด
โดยมีกำหนดการเคลื่อนศพเข้าสู่ศาลาการเปรียญวัดสายทอง ในวันพุธที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 17.00 น. และจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันเดียวกัน เวลา 19.00 น. ณ ศาลาการเปรียญวัดสายทอง และกำหนดจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. ณ เมรุชั่วคราว วัดสายทอง หมู่ 7 บ้านโพธิ์ทอง ตำบลหนองแดง อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น