เช้านี้ที่หมอชิต - วันนี้ (1 ส.ค.) ต้องจับตาการลงพื้นที่สังเกตการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะมาครบ 1 สัปดาห์เต็ม ซึ่งแนวทางที่รัฐบาลและกองทัพย้ำหนักแน่น คือ "ลงพื้นที่อย่างมีคุณภาพ" ไม่ใช่ลวงโลกไปวัน ๆ
ชัดเจนแล้วว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญคณะทูตานุทูต และผู้ช่วยทูตทหาร 24 ประเทศ สื่อมวลชนไทยประมาณ 110 คน จาก 18 หน่วยงาน และสื่อต่างประเทศประมาณ 40 คน จาก 26 สำนักข่าว ลงพื้นที่เพื่อสื่อสารให้ประชาคมโลกทราบถึงข้อมูลหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริง
โฆษกกองทัพบก บอกว่า การลงพื้นที่จะมีการแบ่งกลุ่มกันไปในแต่ละจุด ทั้งโรงเรียน, โรงพยาบาล รวมถึงตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ซึ่งจะสื่อสารให้เห็นความเสียหายในภาพรวม เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ไม่ใช่การพูดลอย ๆ
ประเด็นสำคัญที่รัฐบาลไทยจะนำเสนอ คือ จะให้ข้อเท็จจริงที่กัมพูชาได้ปฏิบัติกับพลเรือนไทย ซึ่งพบความเสียหายของโรงพยาบาลถึง 20 แห่ง
โดยจุดที่คาดว่าคณะสังเกตการณ์จะลงพื้นที่แน่ ๆ คือ โรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเมื่อวาน (31 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย โดยพบลูกกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาตกลงมา 3 ลูก
และอีกจุด คือ ปั๊มน้ำมันในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ หลังเสียหายจากจรวด BM-21 พุ่งเข้าใส่ร้านสะดวกซื้อจนมีผู้เสียชีวิต 7 ราย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม
ซึ่งเมื่อวาน (31 ก.ค.) เจ้าหน้าที่อีโอดี ได้เข้าเคลียร์จุดเกิดเหตุ พร้อมตรวจสอบวัตถุพยาน และพบชิ้นส่วนจรวดส่วนหาง
ด้าน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เชื่อมั่นว่า การลงพื้นที่ของคณะทูตวันนี้ ประชาคมโลกจะสามารถยืนยันได้ว่า กัมพูชาละเมิดอธิปไตยของไทย และข้อตกลงต่าง ๆ ที่ทำร่วมกัน
ขณะที่ สส.วิโรจน์ฯ จากพรรคประชาชน แนะนำให้ทางการไทย พาคณะสังเกตการณ์ไปตรวจสอบหลักฐานสำคัญต่าง ๆ อาทิ ผลเอ็กซเรย์ หรือผลชันสูตรพลิกศพของพลเรือนที่เสียชีวิตจากจรวด BM-21 ของกัมพูชา เพราะเป็นวิทยาศาสตร์ จัดฉากไม่ได้
เบื้องต้น มีรายงานว่า คณะผู้สังเกตการณ์จะรับฟังบรรยายสรุปที่มณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นจะลงพื้นที่ตามจุดต่าง ๆ ก่อนพบปะกับผู้อพยพจากแนวชายแดน
