“วิโรจน์” ย้ำ “ไทย” ต้องยืนหยัดหลัก “สิทธิมนุษยชน” ไม่เลือกปฏิบัติ “ชาวกัมพูชา” เจ็บป่วยต้องรักษา

“วิโรจน์” ย้ำ “ไทย” ต้องยืนหยัดหลัก “สิทธิมนุษยชน” ไม่เลือกปฏิบัติ “ชาวกัมพูชา” เจ็บป่วยต้องรักษา

View icon 1.5K
วันที่ 1 ส.ค. 2568 | 08.54 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“วิโรจน์” ไม่อยากให้ไทยเสียเปรียบในสายตาชาวโลก ย้ำ “ไทย” ต้องยึดหลักการ ไม่เลือกปฏิบัติ “ชาวกัมพูชา” เจ็บป่วยต้องรักษา

เมื่อวานนี้ (31ก.ค.68) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ย้ำไทยต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชน รักษาผู้บาดเจ็บจากการสู้รบไทย-กัมพูชา ไม่ใช่เน้นจะกลายเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ที่ไทยให้สัตยาบัณไว้ ใจความสำคัญ มีดังนี้

“ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชนชาวไทยจำนวนไม่น้อยเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม ผมจำเป็นต้องยืนยันข้อเท็จจริงที่สำคัญยิ่งในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ต่อกรณีข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาในเวทีโลก
.
ประเทศไทยจำเป็นต้องยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน และให้ความเคารพต่ออนุสัญญาเจนีวาทั้ง 4 ฉบับ ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2492 เพื่อธำรงไว้ซึ่งความชอบธรรมของประเทศในการเจรจา ชี้แจง และปกป้องผลประโยชน์ของชาติในทุกเวทีระหว่างประเทศ
.
การที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี มีประกาศยกเลิกการปฏิบัติงานของผู้สื่อสารชาวกัมพูชา รวมถึงยุติการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชาเป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม ถึง 10 สิงหาคม 2568 อาจนำไปสู่การถูกกล่าวหาจากนานาอารยประเทศว่า ประเทศไทยได้ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 2 มาตรา 12 ซึ่งบัญญัติให้มีการปฏิบัติต่อผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บด้วยหลักมนุษยธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา เพศ หรือสถานะความเป็นคู่พิพาท
.
สถานการณ์เช่นนี้สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการตกหลุมพรางของกัมพูชา ซึ่งอาจนำเอาหลักฐานเอกสารดังกล่าวไปขยายผลในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นเหตุให้ประเทศไทยเสียเปรียบในการชี้แจงเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน
.
แม้ผมจะต้องถูกตำหนิอย่างไร ผมก็จำเป็นต้องสะท้อนข้อเท็จจริงเหล่านี้ต่อพี่น้องประชาชนคนไทย เพื่อให้เราไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในเวทีโลก และขอย้ำอย่างหนักแน่นว่า ข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นความขัดแย้งระหว่าง “รัฐต่อรัฐ” และไม่ควรถูกนำไปขยายเป็นความขัดแย้งหรือความเกลียดชังระหว่างประชาชน
.
หากปล่อยให้สถานการณ์ลุกลาม ประเทศไทยจะสูญเสียความสง่างามในเวทีโลก และอาจตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ตลอดจนเวทีระหว่างประเทศในระดับภูมิภาคและระดับโลก”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง