ศาล รธน. สั่ง พิเชษฐ์ สิ้นสภาพ สส. พร้อมตัดสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ปมโยกงบฯ ลงพื้นที่ตัวเอง

ศาล รธน. สั่ง พิเชษฐ์ สิ้นสภาพ สส. พร้อมตัดสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ปมโยกงบฯ ลงพื้นที่ตัวเอง

View icon 845
วันที่ 1 ส.ค. 2568 | 17.03 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ศาล รธน. สั่ง พิเชษฐ์ สิ้นสภาพ สส. พร้อมตัดสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ปมโยกงบปี 69 ชี้ เจตนาใช้งบ เพื่อประโยชน์การหาเสียงพื้นที่ตัวเอง สร้างความนิยม ลือ ส่งเมียลง สส.แทน

วันนี้ (1 ส.ค.68) ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยเรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอความเห็นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 มีการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง หรือไม่

กรณีนี้ นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.พรรคประชาชน (ปชน.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวม 121 คน (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ

โดยประเด็นกล่าวหาว่าผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ในโครงการทั้งสามนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมาก 5 คน ได้แก่ นายปัญญา อุดชาชน, นายวิรุฬห์ แสงเทียน, นายจิรนิติ หะวานนท์, นายนภดล เทพพิทักษ์ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ในโครงการทั้งสาม

ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย 4 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม, นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ และนายอุดม รัฐอมฤต เห็นว่า การให้ความเห็นชอบให้เสนอคำแปรญัตติของผู้ถูกร้อง เป็นการกระทำของผู้ถูกร้องในฐานะที่เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง มิใช่ในฐานะเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า การแปรญัตติงบประมาณของนายพิเชษฐ์ มีเจตนานำงบไปใช้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียง สร้างความนิยมในเขตเลือกตั้งของตนเอง ถือได้ว่าผู้ถูกร้องมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง และให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ เกี่ยวกับโครงการเยาวชน โครงการประชาชน และโครงการสตรี ในงประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เป็นอันสิ้นผลลง

และมีคำสั่งให้นายพิเชษฐ์สิ้นสุดความเป็น สส. และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัย รวมถึงถือเป็นวันที่ตำแหน่ง สส.ในพื้นที่เชียงรายว่างลงด้วย

ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมญเสียงข้างมาก 6 คน คือ นายปัญญา อุดชาชน, นายวิรุฬห์ แสงเทียน, นายจิรนิติ หะวานนท์, นายนภดล เทพพิทักษ์ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย 3 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม และนายอดม รัฐอมฤต เห็นว่า การกระทำของผู้ถูกร้องไม่เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้อง จึงไม่สิ้นสุดลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายพิเชษฐ์ สิ้นสุดสภาพความเป็น สส. ทำให้ตำแหน่ง สส.ในพื้นที่เชียงรายว่างลง ซึ่งมีรายงานว่า นายพิเชษฐ์ จะส่งภรรยาลงพื้นที่เป็นผู้สมัครเลือกตั้งแทน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง