วันนี้ (2 ส.ค. 68) เมื่อเวลา 01.38 น. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เดชอุดม อ่อนยิ่ง รอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิตภายในบริเวณลานจอดรถของที่พักอาศัยแห่งหนึ่ง ตึก 4 ซอยท่าข้าม 6 ถนนท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
ที่เกิดเหตุพบศพ นายอนุชา อายุ 38 ปี มีอาชีพขับรถสองแถว อยู่ในสภาพนอนจมกองเลือดอยู่บริเวณจุดดังกล่าว มีบาดแผลถูกยิงเข้าร่างหลายแห่ง รวม 7 แผล พบปลอกกระสุนตกอยู่จุดเกิดเหตุจำนวน 7 ปลอก นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตจอดอยู่ไม่ไกลจากร่าง และยังพบขวดเบียร์ตั้งอยู่อีก 1 ขวด
จากการสอบถาม น.ส.เมย์ อายุ 34 ปี ซึ่งนับถือผู้เสียชีวิตเหมือนพี่ชาย บอกว่า สาเหตุเกิดจากปมชู้สาว ซึ่งผู้เสียชีวิตคบหาดูใจกับ น.ส.น้อย (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ซึ่งมีสามีอยู่แล้ว ซึ่งสามี น.ส.น้อย คือ นายสิระ อายุ 35 ปี และเป็นมือปืนผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนวันนี้มีการไปดื่มเหล้ากันมาที่ร้านแห่งหนึ่งย่านพระรามที่ 2 แล้วก็เริ่มมีปากเสียงกันตั้งแต่ที่ร้าน จนกระทั่งแยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนผู้เสียชีวิตมาส่ง น.ส.น้อย ที่อาคารแห่งนี้แล้วตนก็ได้รับโทรศัพท์จากคนที่วินรถสองแถวว่า ผู้เสียชีวิตโดนสามีของ น.ส.น้อย เสียชีวิตแล้ว ก็เลยตามมาดู
น.ส.เมย์ บอกอีกว่า ผู้เสียชีวิตคบหากับ น.ส.น้อย มาสักพักแล้ว ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด ส่วนทางสามีของผู้หญิงเขาก็รู้นานแล้ว ส่วนผู้หญิงกับสามีของเขาก็ยังไม่ได้เลิกรากัน ก็เลยมีการพูดแขวะกันไปมาอยู่ตลอด
ด้าน น.ส.แก้ว (นามสมมุติ เป็นอดีตเมียหลวง กล่าว่า ตนอยู่กินกับผู้เสียชีวิตมานานแล้ว จนมีลูกด้วยกัน 3 คน โดยคนก่อเหตุก็มีอาชีพขับรถสองแถวอยู่ย่านพระรามที่ 2 ผู้ก่อเหตุกับผู้เสียชีวิตเป็นเพื่อนกัน และเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตนได้ว่าจ้างภรรยาของผู้ก่อเหตุไปสอนภาษาอังกฤษให้ลูกตนที่บ้าน เพราะภรรยาของผู้ก่อเหตุเรียนจบปริญญาตรี เก่งเรื่องภาษาอังกฤษ จึงไว้ใจว่าจ้างให้ไปสอนภาษาลูกของตน แต่ภรรยาของผู้ก่อเหตุก็ได้เกิดการชอบพอกันกับผู้เสียชีวิต ลักลอบได้เสียกัน จนกระทั่งเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา ตนจับได้ก็เลยหย่ากัน แยกกันอยู่ ส่วนปมเหตุที่อดีตสามีของตนต้องมาจบชีวิตลงในวันนี้ เชื่อว่าน่าจะมาจากเรื่องชู้สาวอย่างแน่นอน เพราะคนก่อเหตุเป็นสามีของ น.ส.น้อย
อย่างไรก็ตาม หลังก่อเหตุ นายสิระ ได้หลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึง โดยยังไม่ทราบว่าหลบหนีไปทิศทางใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนร่างผู้เสียชีวิตแพทย์นิติเวชได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช ต่อไป