ปั่นข่าวไทยจะโจมตี ชาวบ้านหนีวุ่นวาย

View icon 42
วันที่ 4 ส.ค. 2568 | 11.06 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ท่าจะฟุ้งซ่านหนัก เอาแต่โพสต์ข้อมูลเฟกนิวส์ตลอด ล่าสุด สมเด็จฯ ฮุน เซน เล่นสงครามผ่านโซเชียล ปั่นกระแสให้ร้ายป้ายสี อ้างว่ากองทัพไทยจะโจมตีเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำเอาวุ่นวายทั้งคนกัมพูชา และคนไทย

เริ่มจากที่ สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา แชร์โพสต์เฟซบุ๊กที่เป็นข้อความจากกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา มีทั้งข้อความเป็นภาษากัมพูชา และภาษาอังกฤษ สรุปแปลเป็นไทยได้ว่า "กองทัพไทยวางแผนที่จะโจมตีตลอดแนวชายแดน โดยการโจมตีนี้จะเริ่มขึ้นก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย"

ต่อมากลางดึก สมเด็จฯ ฮุน เซน ไม่หลับไม่นอน โพสต์ปั่นกระแสต่อ โดยลงรูปตัวเองสวมเสื้อสีฟ้า ทำท่านั่งคุยโทรศัพท์ ส่วนเนื้อหาที่โพสต์ไม่ต่างจากที่แชร์โพสต์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่น่าสนใจช่วงท้ายโพสต์ ระบุว่า จากสถานการณ์ไม่น่าวางใจ ข้าพเจ้าจะไม่เข้าร่วมประชุมวุฒิสภา เช้าวันที่ 4 สิงหาคม ไม่ว่าจะมีการสู้รบหรือไม่ก็ตาม ข้าพเจ้าจะอยู่บัญชาการกองทัพ ตลอด 24 ชั่วโมง

ซึ่งจากข้อความที่ สมเด็จฯ ฮุน เซน ทั้งแชร์และโพสต์ ก็ไม่รู้ว่าแค่อยากสร้างคอนเทนต์สงครามข่าว หรือต้องการส่งสัญญาณหวังผลอะไรบางอย่าง ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย หรือไม่
 
แต่ที่แน่ ๆ ตั้งแต่ช่วงค่ำวานนี้ยันกลางคืน ทำเอาชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอติดชายแดนกัมพูชา-ไทย โดยเฉพาะด้าน จังหวัดอุดรมีชัย ต่างพากันรีบอพยพอย่างโกลาหลออกนอกพื้นที่ชายแดน โดยทีวีช่อง CCN TV ของกัมพูชา แพร่ภาพประชาชนที่กำลังอพยพทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ในพื้นที่ อำเภอสมทรง จังหวัดอุดรมีชัย

ส่วนคนไทยไม่ได้ตื่นตระหนกกับข่าวนี้ เพราะคนไทยที่อยู่ตามแนวชายแดน ยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน จึงยังคงอยู่ที่ศูนย์อพยพ

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปที่ถ่ายจากกล้องมองกลางคืน ที่เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพเอาไว้บนพื้นที่สูง พบว่าตามแนวชายแดนประเทศกัมพูชา มีแสงไฟของรถยนต์ชาวกัมพูชาที่อยู่ตามชายแดนช่องจอม เร่งอพยพกันเป็นแถวอย่างโกลาหล
 
จน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ต้องออกมายืนยัน ไม่เป็นความจริง ไม่มีการสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ ตามที่ปรากฏกระแสข่าวลือ กองทัพบก ยังเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็เตรียมรับมือกับสถานการณ์ ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง และพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่ชายแดน

ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ต้องรีบออกมาสยบข่าวลือว่า จังหวัดไม่มีแจ้งอพยพรอบใหม่ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ยังคงปกติดี