จับทหารกัมพูชา แฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ

View icon 124
วันที่ 7 ส.ค. 2568 | 06.09 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - ตำรวจ กองทัพ เร่งเค้นสอบทหารกัมพูชา หน่วย BHQ แฝงตัวมาอยู่ที่บ้านภรรยาที่จังหวัดบุรีรัมย์ หลังมีหลักฐานและพฤติกรรมต้องสงสัยว่าเป็นสายลับ

ตำรวจ สภ.ลำดวน จับกุม นายวิน อายุ 36 ปี ชาวกัมพูชา ภายในบ้านพักของภรรยาในอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ยึดของกลางปืน 1 กระบอก เครื่องแบบทหารกัมพูชา เสื้อกั๊ก หมวก ติดตราสัญลักษณ์หน่วย BHQ หรือกองกำลังพิทักษ์ฮุน เซน และโทรศัพท์มือถือรวม 3 เครื่อง

ในโทรศัพท์พบรูปนายวิน สวมเครื่องแบบทหาร ถือปืนสงคราม ถ่ายรูปคู่กับทหารนายอื่น ตำรวจจึงควบคุมตัวไปสอบปากคำ เพื่อหาความเชื่อมโยงว่าเป็นทหารสายลับแฝงตัวเข้ามาหาข้อมูลสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในฝั่งประเทศไทยหรือไม่ 

ตรวจสอบเอกสารทางราชการ พบว่า นายวินใช้ชื่อในบัตรประชาชน พาสปอร์ต ชื่อทางทหาร และบัตรทำงาน ไม่ตรงกัน

นายวิน หลุด รับเคยเป็นทหาร BHQ 9 เดือน ลาออกมาเมื่อปี 2564 ก่อนจะย้ายมาอยู่กับภรรยาที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีลูก 1 คน อายุ 1 ขวบเศษ

ตำรวจไม่เชื่อคำให้การ เพราะนายวินและภรรยาไม่ได้ทำงาน แต่มีอยู่มีกินเหมือนชาวบ้านทั่วไป นายวิน ปฏิเสธว่าไม่ได้มาเป็นสายลับ แต่พบเข้า-ออกไทย-กัมพูชาประจำ 

ล่าสุดลักลอบเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ ที่จังหวัดสระแก้วเมื่อเดือนมิถุนายนก่อนจะมีการปะทะ

นางสาวจอย อายุ 27 ปี ภรรยา เผยว่ารู้จัก นายวิน ทำงานเป็นบาร์โฮสต์ ที่พัทยา เมื่อ 3 ปีก่อน สามีเคยเล่าให้ฟังว่าฝึกทหาร แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นทหาร BHQ หรือไม่ พร้อมยอมรับว่า เธอและสามีไม่ได้ทำงาน

หลังนายวิน หลุดปากว่าเคยเป็นทหาร 9 เดือน ตำรวจจึงนำตัวไปค้นบ้านรอบที่ 2 พบโทรศัพท์อีก 2 เครื่อง จึงนำมาตรวจสอบ พบข้อมูลเชื่อมโยงประเทศกัมพูชา ในเฟซบุ๊กของนายวิน ยังเป็นกองเชียร์การสู้รบกับประเทศไทย

พลตำรวจตรี ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เดินทางมาสอบปากคำ นายวิน ร่วมกับกองทัพ และหลายหน่วยงาน ตั้งแต่ช่วง 13.00 น. จนถึง 19.00 น. เผยเบื้องต้นแจ้งข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืน และเข้าเมืองผิดกฎหมาย

ส่วนเรื่องแฝงตัวมาเป็นสายลับหรือไม่ กำลังตรวจสอบหลักฐานที่พบในโทรศัพท์จำนวนมาก ไม่สามารถให้ข้อมูลได้

ขณะที่ พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ปฏิเสธอย่างอย่างรวดเร็วว่า ไทยกุเรื่องจับสายลับ ทหาร BHQ ประณามรายงานข่าวที่ไม่มีมูลความจริง ขาดหลักฐานที่น่าเชื่อถือ มุ่งบิดเบือนความจริง และมีเจตนาอย่างชัดเจนที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ทำลายชื่อเสียงของกัมพูชา

พร้อมตอบโต้ว่า กระทรวงกลาโหมและกองทัพกัมพูชา ห้ามการเกณฑ์ทหารของบุคคลที่มีรอยสัก โดยเฉพาะผู้ที่ถูกจับ ย้ำไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นทหารประจำการประจำกองทัพกัมพูชาได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง