Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 7 สิงหาคม 2568
1. สมเด็จฯ ฮุน เซน โต้ข่าวลือเรื่องไทยวางแผนลอบสังหาร และขอร้องไม่ให้ขยายความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ไปถึงประเทศที่ขายโดรนหรือส่งมอบอาวุธให้
สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชี้แจง 2 ประเด็นที่มีการพูดถึงมากในสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียของทั้ง 2 ประเทศ เรื่องแรก กรณีพาดพิงว่า ญี่ปุ่นมอบโดรนให้ไทย ส่วนจีนมอบโดรนให้กัมพูชา และเกาหลีใต้ขายกระสุนและเครื่องบินให้ไทย เพื่อใช้ในการลอบสังหารตนเอง และนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต นั้น
สมเด็จฯ ฮุนเซน ขอร้องว่า ไม่ว่ากัมพูชาหรือไทยจะจัดหาโดรนหรืออาวุธยุทโธปกรณ์มาจากที่ใด ก็ไม่ควรถูกกล่าวถึงจนเกินจริง หรือขยายความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ ไปยังประเทศอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกประเทศที่ถูกพาดพิงต่างสนับสนุนการหยุดยิงและส่งเสริมสันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทย ยืนยันว่า กัมพูชาไม่ได้คัดค้านการจัดหาเครื่องบินรบหรือยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทย แต่ขอร้องว่า ไม่ควรนำมาใช้ในการโจมตีกัมพูชา หรือประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ
อีกเรื่องคือ กรณีข่าวลือว่าไทยวางแผนลอบสังหาร 2 ผู้นำกัมพูชา ซึ่งสื่อของกัมพูชาผู้ฝ่ายปล่อยข่าว โดยอ้างข้อมูลแหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองต่างชาติ สมเด็จฯ ฮุน เซน ระบุว่า เชื่อได้ยาก เพราะต่อให้ไม่พอใจกัน ผู้นำไทยก็ไม่น่าลดตัวลงมาทำอะไรผิดจริยธรรมถึงขนาดนั้น มันอาจมีความเป็นไปได้ในอดีต แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ทั้ง 2 ประเทศต่างต้องการผู้นำที่เข้มแข็งในการเจรจาสันติภาพ จึงไม่มีเหตุผลใดที่ผู้นำไทยจะวางแผนลอบสังหารตน หรือ ฮุน มาเนต ต่อให้ทำสำเร็จจริง ก็จะมีคนอย่างตนกับลูกชาย เกิดขึ้นนับหมื่นนับแสนคน และไทยกับกัมพูชาจะกลายเป็นศัตรูกันตลอดไป ที่สำคัญใช่ว่า เราจะไร้เขี้ยวเล็บให้ใครมาทำอะไรง่าย ๆ
2. "ฮุน มาเนต" ยินดีต่อผลสำเร็จของการประชุม GBC พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ทันที
นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ของกัมพูชา โพสต์แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา หรือ GBC สมัยวิสามัญ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในวันนี้ ((7 ส.ค.)) โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย, สหรัฐอเมริกา และจีน เข้าร่วมสังเกตการณ์ โดยระบุว่าฝ่ายกัมพูชาและไทยได้หารือและตกลงกันเกี่ยวกับเงื่อนไขการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงและการส่งเสริมการสื่อสารระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่าย ตลอดจนสนับสนุนกลไกการติดตามตรวจสอบของผู้สังเกตการณ์อาเซียน นอกจากนี้ กัมพูชายังร้องขอให้ฝ่ายไทยปล่อยตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 นาย โดยทันที
ก่อนหน้านี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศฯ กัมพูชา แถลงเรียกร้องให้ไทยละทิ้งแนวทางปัจจุบันของการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จต่อสาธารณะ และหันกลับมาสู่เส้นทางของการเจรจาด้วยความจริงใจและความร่วมมือในระดับภูมิภาคแทน พร้อมเรียกร้องประชาคมโลก รวมทั้งชาติสมาชิกอาเซียน, สหประชาชาติ และชาติผู้สังเกตการณ์ โดยเฉพาะมาเลเซีย, สหรัฐฯ และจีน สนับสนุนกลไกการติดตามตรวจสอบ
3. พลเอก มินต์ ส่วย อดีตรักษาการประธานาธิบดีเมียนมา ตั้งแต่กองทัพโค่นอำนาจรัฐบาลพลเรือน ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ขณะอายุ 74 ปี
สื่อของรัฐบาลเมียนมารายงานว่า พลเอก มินต์ ส่วย (Myint Swe) อดีตรักษาการประธานาธิบดีเมียนมา เสียชีวิตแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ส.ค.) ที่โรงพยาบาล ขณะอายุ 74 ปี ซึ่งนับเป็นเวลา 1 ปี หลังเขาลาพักรักษาตัวจากอาการป่วยด้วยโรคทางระบบประสาทและโรคเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา โดยได้ถ่ายโอนหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีให้กับพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย (Min Aung Hlaing) ผู้นำเผด็จการทหารและผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พลเอก มินต์ ส่วย เข้ามารับตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี หลังกองทัพเมียนมาทำรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐบาลพลเรือนของอดีตประธานาธิบดีวิน มินต์ (Win Myint) เมื่อปี 2564 ก่อนจะทำการถ่ายโอนอำนาจให้กับรัฐบาลทหารในทันที สำหรับพิธีศพของพลเอก มินต์ ส่วย จะจัดขึ้นในระดับรัฐแต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐบาลทหารเมียนมาได้คืนอำนาจให้กับรัฐบาลพลเรือนรักษาการ ซึ่งพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ยังคงทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีต่อไป ก่อนการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนธันวาคมนี้
4. "ทรัมป์" ขึ้นภาษีนำเข้าจากอินเดียสูงเป็น 50% ปมซื้อน้ำมันจากรัสเซีย พร้อมขู่ อาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าจีนสูงขึ้นเช่นกัน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร ขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นอีก 25% เป็น 50% จากการที่อินเดียซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ ซึ่งทางอินเดียมองว่าเป็นมาตรการตอบโต้ที่ไร้เหตุผล และไม่ยุติธรรม
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังขู่ว่าจีนอาจถูกขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมแบบเดียวกับอินเดียด้วย เนื่องจากจีนก็เป็นหนึ่งใน 2-3 ประเทศผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกดดันให้รัสเซียทำข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครน หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนจีนว่า อาจถูกขึ้นภาษีนำเข้าอีก หากยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
ประธานานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวถึง การประชุมระหว่าง สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่กรุงมอสโก วานนี้ (6 ส.ค.) ว่า เป็นไปได้ด้วยดี และมีความเป็นไปได้ที่เขากับประธานาธิบดีปูติน และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน จะพบกันในอนาคต
5. "ทรัมป์" โพสต์ข้อความฉลองที่มาตรการเก็บภาษีศุลกากรมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ มีรายได้จากภาษีนำเข้าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่านทรูธโซเชียลว่า "ผ่านเที่ยงคืน (เข้าสู่วันที่ 7 สิงหาคม 2568) แล้ว ภาษีศุลกากรมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐฯ” ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นการแสดงความยินดีที่อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ในอัตรา 10-50% สำหรับประเทศคู่ค้าหลายสิบประเทศเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นแนวทางลดปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยไม่ให้กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของโลกอย่างรุนแรง, ไม่ทำให้ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และปราศจากการตอบโต้อย่างรุนแรงจากประเทศคู่ค้า
หน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ เริ่มจัดเก็บภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น เมื่อเวลา 11.01 น. วันนี้ตามเวลาประเทศไทย แต่สินค้าที่บรรทุกลงเรือที่มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ ก่อนเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ และสามารถออกจากโกดังสินค้าในสหรัฐ ก่อนวันที่ 5 ตุลาคม 2568 ยังคงเสียภาษีในอัตราภาษีเดิม (ซึ่งอัตราพื้นฐานคือ 10%)
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังวางแผนที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ 100% ยกเว้นชิปและเซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตในสหรัฐฯ จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า