วานนี้ เวลา 18.50 น. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จไปในงานเลี้ยงรับรองเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี วันชาติสาธารณรัฐสิงคโปร์ ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ในการนี้ นางสาวหว่อง เสี่ยว ผิง แคเทอรีน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เฝ้าถวายของที่ระลึก เป็นผ้าพันคอไหมหม่อน ลวดลายสะท้อนถึงมรดกทางวัฒนธรรม และชุดของขวัญจัดทำขึ้นเป็นพิเศษในโอกาสครบ 60 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐสิงคโปร์
โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย กล่าวถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และกล่าวถวายพระพร กับถวายพระเกียรติคุณ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงงานอุทิศพระองค์เพื่อการสาธารณสุข นวัตกรรมด้านสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ทรงมีความร่วมมือกับสถาบันชั้นนำในต่างประเทศ และทรงนำสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ร่วมแลกเปลี่ยนความก้าวหน้าทางด้านงานวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กับสถาบันชั้นนำของสาธารณรัฐสิงคโปร์ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้รับมือกับสถานการณ์ด้านสุขภาพระดับโลกในปัจจุบัน
ไทยและสิงคโปร์ มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและใกล้ชิดมายาวนาน ทั้งยังเป็นวาระสำคัญในโอกาส 60 ปี วันชาติสาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งตรงกับวันที่ 9 สิงหาคม 2568 และเป็นโอกาสที่ดีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ครบรอบ 60 ปี ของทั้งสองประเทศในทุกมิติ ความเป็นมิตรอันยาวนานนี้ได้รับการจารึกไว้ผ่านเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ เมื่อปี 2414 ได้พระราชทานรูปปั้นช้างสำริด เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรไมตรี ปัจจุบัน ตั้งอยู่หน้ารัฐสภาหลังเก่าของสิงคโปร์ สะท้อนถึงศักยภาพที่เกื้อหนุนกัน และเน้นย้ำถึงความร่วมมือที่มุ่งสู่อนาคตเพื่อประโยชน์ร่วมกันในทุกระดับ
นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย ยังได้จัดการประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 60 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสิงคโปร์ โดยผสมผสานรูปสิงโตและช้าง ซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติของทั้งสองประเทศ รวมอยู่ในเลข 60 ออกแบบโดยศิลปินชาวไทยรุ่นใหม่ สะท้อนถึงมิตรภาพและความใกล้ชิดระหว่างไทยและสิงคโปร์ ซึ่งตั้งอยู่บนรากฐานความร่วมมือในทุกมิติ