ก.ล.ต. กล่าวโทษดีลเลอร์-หมอวิสุทธิ์ ต่อ บก.ปอศ. ใช้ข้อมูลวงในดักซื้อขายตัดหน้ากองทุน ปี 66-67 พร้อมรายงานข้อมูลกับ ปปง.
วันนี้ (7 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกเอกสารข่าวว่า ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 3 ราย ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีซื้อหรือขายหลักทรัพย์ก่อนทำรายการซื้อขายของกองทุน โดยใช้ข้อมูลการลงทุนของกองทุน และรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
เนื่องจาก ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเดือนมิ.ย.67 โดยตรวจสอบเพิ่มเติมพบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า มีผู้กระทำความผิดรวม 3 ราย ได้แก่ น.ส.ปิยาพัชร ซึ่งเป็นพนักงานห้องค้าหลักทรัพย์ (dealer) ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแห่งหนึ่ง, นายวิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ และ นางนาวินี ได้ร่วมกันกระทำการเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น ในประการที่น่าจะทำให้กองทุนรวมเสียประโยชน์
จากการตรวจสอบ น.ส.ปิยาพัชร ซึ่งเป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของกองทุนรวม ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งของกองทุนรวมที่ตนเป็นผู้ส่งคำสั่งซื้อขายของกองทุนรวมดังกล่าวให้แก่นายวิสุทธิ์ และนายวิสุทธิ์ได้อาศัยข้อมูลดังกล่าว ส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ก่อนที่ น.ส.ปิยาพัชรจะส่งคำสั่งซื้อหรือขายให้แก่บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของกองทุนรวมจำนวนหลายรายการ ในช่วงปี 2566 - 2567 โดยมีนางนาวินีร่วมเกี่ยวข้องกับเงินในการกระทำดังกล่าว
การกระทำของบุคคลดังกล่าวข้างต้น เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 244/2 ประกอบมาตรา 244/1 และมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 แล้วแต่กรณี ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 3 ราย ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อ ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ภายหลังการกล่าวโทษของ ก.ล.ต. กระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญา เป็นการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ และการพิจารณาของศาลยุติธรรม ตามลำดับ โดย ก.ล.ต. จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดี และจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ด้วย