จากกรณีเมื่อวันที่ (6 ส.ค. 68) ที่ผ่านมา MR.KONSTANTIN GUSHCHIN อดีตตำรวจรัสเซียวัยเกษียณ เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ. ปกรณ์ ประกอบนันท์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา หลังทรัพย์สินล้ำค่าหลายรายการสูญหาย ขณะตนเองเผลอหลับจากอาการมึนเมาบริเวณหน้าร้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ ซอยพระตำหนัก 6 เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่า สร้อยคอทองคำพร้อมจี้เขี้ยวทอง แหวนเพชร เงินสด 5,000 บาท บัตรธนาคาร และเอกสารสำคัญต่าง ๆ หายเกลี้ยง คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ เกือบ 1 ล้านบาท
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่ามีสาวประเภทสองขี่รถจยย. ขับมาจอดหน้าเหยื่อ ก่อนทำทีเข้าทำความรู้จัก ทั้งที่ผู้เสียหายอยู่ในอาการเมามากแทบไม่ได้สติ จากนั้นฉวยโอกาสปลดทรัพย์อย่างรวดเร็วแล้วหลบหนีไป ทั้งที่ผู้เสียหายพยายาม เขยิบหนีออกมาแล้ว แต่สาวสองตัวแสบก็ยังตามมากดทรัพย์สินเอาไปจนได้
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตร. ชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ลงพื้นที่ไล่ล่าอย่างเร่งด่วน กระทั่งในช่วงค่ำวันที่ (7ส.ค. 68) ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ที่หอพักแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา ทราบชื่อภายหลังว่า นายพุฒ อายุ 43 ปี
จากการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริง และได้นำสร้อยคอทองคำพร้อมจี้ ไปขายที่ร้านรับซื้อบริเวณพัทยาใต้ ได้เงินมาจำนวน 70,000 บาท จากนั้นนำไปเล่นเกมสล็อตออนไลน์เพราะ “ติดการพนัน” จนเหลือเพียง 10,000 กว่าบาท ส่วนแหวนเพชรยังไม่ได้นำไปขาย ส่วนเอกสารอื่น ๆ ได้ทิ้งไป
เมื่ออดีตตำรวจรัสเซียทราบข่าวการจับกุมได้ เดินทางมายังโรงพักด้วยความตื้นตันใจ ยกมือไหว้และโค้งคำนับขอบคุณเจ้าหน้าที่ตร. พัทยา พร้อมเปิดเผยว่า ทรัพย์สินที่สูญหายไม่ใช่แค่ของมีค่า แต่เปี่ยมไปด้วยความทรงจำ – สร้อยคอทองคำฝังเพชรสีชมพูที่แม่ผู้ล่วงลับมอบไว้เป็นมรดกก่อนสิ้นลมหายใจ และแหวนเพชรที่เป็นงานฝีมือเฉพาะตัว ทำขึ้นชิ้นเดียวในโลก
เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดหรือหลบหนี” พร้อมควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย และให้ผู้ต้องหารวบรวมเงินเพื่อชดใช้ค่าเสียหายและไถ่ถอนแหวนคืนให้ผู้เสียหาย
แม้ทรัพย์สินบางส่วนยังไม่สามารถนำกลับคืนได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติถึงกับกล่าวว่า ตำรวจไทยทำงานได้มืออาชีพและน่าประทับใจมากกว่าที่คิด