กองกำลังทั้งไทยและกัมพูชา ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง

กองกำลังทั้งไทยและกัมพูชา ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง

View icon 97
วันที่ 9 ส.ค. 2568 | 08.31 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
กองทัพภาคที่ 2 เผย กองกำลังทั้งไทยและกัมพูชา ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ไม่มีการปะทะ ไทยไม่ประมาทเตรียมพร้อม และติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด หลังพบกัมพูชามีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์และยานพาหนะบางพื้นที่

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ล่าสุด 8 ส.ค.68 ดังนี้

ภาพรวมสถานการณ์ ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ไม่มีการปะทะ ฝ่ายเรายังคงเตรียมพร้อมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยยึดมั่นตามข้อตกลงของการประชุม GBC ที่ผ่านมา

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา จัดสร้าง "หลุมหลบภัย" เพื่อปกป้องราษฎรที่ยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดน

พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ เป็นผู้แทนมูลนิธิชัยพัฒนา ในการเข้าสำรวจและสอบถามความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ พบว่ายังมีชาวบ้านบางส่วนไม่ได้อพยพไปยังอยู่ในหมู่บ้านเขตพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดน จ.สุรินทร์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ห่วงใย จึงโปรดให้มูลนิธิชัยพัฒนาสร้างหลุมหลบภัยในหมู่บ้าน 2 แห่ง อ.สังขะ และ อ.บัวเชด โดยเร่งประสาน ชรบ. ดำเนินการทันที

สถานการณ์ตามแนวชายแดน
- ตรวจพบฝ่ายกัมพูชาคงตรึงกำลังในพื้นที่ชายแดนสำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
-ตรวจพบ การบินของอากาศยานไร้คนขับ และการกระทำที่อาจเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด หน่วยปฏิบัติการได้ดำเนินมาตรการตอบสนองและควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการเฝ้าตรวจชายแดนในพื้นที่เสี่ยง

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT ออกประกาศฉบับที่ 3 ยังคงห้ามทำการบินอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (โดรน) ทุกประเภททั่วราชอาณาจักร จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2568 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยทางการบินในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป CAAT จะผ่อนปรนอนุญาตเฉพาะการบินโดรนเพื่อการเกษตร ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ได้แก่
• ผู้บังคับโดรนและตัวโดรนต้องขึ้นทะเบียนกับ CAAT ครบถ้วน และยังไม่หมดอายุ
• ได้รับอนุญาตปฏิบัติการบินเพื่อการเกษตรจาก CAAT
• ไม่มีประวัติฝ่าฝืนหรือถูกเพิกถอนสิทธิการบิน
• ทำการบินได้เฉพาะในพื้นที่เกษตรของตน หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่
• แจ้งการบินล่วงหน้าอย่างน้อย 12 ชั่วโมง ผ่านเว็บไซต์ uasportal.caat.or.th หรือแอปพลิเคชัน UAS Portal ของ CAAT หรืออีเมล ศตอ.น. antidrone.police@gmail.com หรือ ตำรวจท้องที่ หรือกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน
* ความสูงการบินไม่เกิน 30 เมตร
• ทำการบินได้ระหว่างเวลา 06.00–18.00 น. เท่านั้น (ห้ามบินกลางคืน)
• ใช้เพื่อโปรย หว่าน สารอินทรีย์ สารอนินทรีย์ สารเคมี เพื่อการเกษตร น้ำ หรือปุ๋ยเท่านั้น ห้ามใช้เพื่อถ่ายภาพหรือสำรวจ
.
ทั้งนี้ CAAT ได้กำหนดพื้นที่ห้ามทำการบินโดรนทุกประเภทโดยเด็ดขาด ได้แก่ พื้นที่หวงห้าม/อันตรายตามที่ประกาศใน AIP Thailand (16 พื้นที่หลัก เช่น ศรีษะเกษ, นครสวรรค์, จันทบุรี, ตราด, ราชบุรี, นครราชสีมา, อุบล ฯลฯ) จังหวัดชายแดนที่ประกาศกฎอัยการศึก หรือมีกองกำลังปฏิบัติการภาคพื้น (7 จังหวัด) อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี, อำเภอเมือง จ.ระยอง, รัศมี 9 กิโลเมตรรอบสนามบินและจุดขึ้นลงอากาศยานทุกแห่ง และพื้นที่ที่หน่วยงานความมั่นคงประกาศเป็นการเฉพาะเพิ่มเติม

ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเจ้าหน้าที่มีอำนาจทำลายหรือตอบโต้อากาศยาน รวมถึงใช้ระบบต่อต้านอากาศยานไร้นักบิน (Anti-Drone System) ได้

หากมีข้อสงสัยหรือพบการฝ่าฝืน สามารถแจ้งได้ที่ CAAT โทร. 02-568-8851 (ในเวลาราชการ) อีเมล uas_us@caat.or.th หรือ ศตอ.น. โทร. 02-126-7846 อีเมล antidrone.police@gmail.com รวมถึงสถานีตำรวจ หน่วยทหาร หรือหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่