หมอ รพ.จุฬาภรณ์ คาด 3 ล้านคน ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง เสี่ยงมะเร็งตับ

หมอ รพ.จุฬาภรณ์ คาด 3 ล้านคน ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง เสี่ยงมะเร็งตับ

View icon 7.8K
วันที่ 11 ส.ค. 2568 | 09.44 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หมอ รพ.จุฬาภรณ์ คาด 3 ล้านคน ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง เสี่ยงเป็นมะเร็งตับมากกว่าคนทั่วไป 100 เท่า เกิดก่อนปี 35 ควรฉีดวัคซีน ป้องกันการติดเชื้อได้ 95%

ภายในกิจกรรม Let's break it down รู้เร็ว รักษาไว ป้องกันได้...ลดมะเร็งตับ และบริการวิชาการสุขภาพและบริการทางการแพทย์เนื่องในวันตับอักเสบโลก (World Hepatitis Day) ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเจริญพระชันษา 68 ปี

นพ.ดำรงค์ สุกิจปัญญาโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เปิดเผยว่า โรคไวรัสตับอักเสบ เป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตมากกว่า 1 ล้านคนต่อปีทั่วโลก  สำหรับประเทศไทย คาดว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ประมาณ 2–3 ล้านคน และติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง  ประมาณ 350,000 ราย ทั่วประเทศ  โรคไวรัสตับอักเสบมิได้เพียงเป็นโรคติดเชื้อธรรมดา แต่เป็นสะพานนำไปสู่มะเร็งตับ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ในฐานะสถาบันการแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง ได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและรักษาอย่างจริงจัง

ข่าวดีในปัจจุบัน คือเราสามารถชนะโรคนี้ได้ เนื่องจากวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี มีประสิทธิภาพสูงถึง 95% ในการป้องกันการติดเชื้อ ส่วนไวรัสตับอักเสบซี สามารถรักษาให้หายขาดได้ถึง 99% ด้วยยาสมัยใหม่ที่ใช้เวลาเพียง 8-12 สัปดาห์ นี่คือความหวังที่เราจับต้องได้ การบรรลุเป้าหมายในการกำจัดไวรัสตับอักเสบให้ได้ในปี 2573 ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลกและประเทศสมาชิก

ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จัดกิจกรรม Let’s break it down รู้เร็ว รักษาไว ป้องกันได้….ลดมะเร็งตับ ขึ้นเพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในการป้องกัน คัดกรอง และดูแลรักษาโรคตับอักเสบ รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างครอบคลุม ซึ่งถือเป็นแนวทางหนึ่งในการลดการเสียชีวิตจากโรคตับ และสร้างสุขภาวะที่ดีให้แก่ประชาชน อีกทั้ง ยังเป็นการให้บริการวิชาการความรู้สุขภาพเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบ และการให้บริการตรวจหาเชื้อและภูมิไวรัสตับอักเสบบีพร้อมฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงการป้องกันและลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งตับ  ส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ได้มาตรฐาน

ด้าน นพ.สพล วิวัฒน์พัฒนกุล แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวเสริม การติดเชื้อไวรัสจะหายขาดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเป็น “ไวรัสระยะเฉียบพลัน”  พบในผู้ที่เพิ่งติดเชื้อใหม่ 80–90% ของผู้ติดเชื้อสามารถหายได้เอง หลังหายแล้วร่างกายจะมีภูมิคุ้มกัน “การติดเชื้อแบบเรื้อรัง” เป็นระยะที่พบเยอะที่สุด ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในปัจจุบัน อย่างไรก็สามารถควบคุมโรคได้ ด้วยการกินยาต้านไวรัสเมื่อมีข้อบ่งชี้  ส่วนการติดเชื้อไวรัสไม่จำเป็นต้องเป็นมะเร็งตับทุกคน แต่มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป 100 เท่า ดังนั้นต้องมีการคัดกรองมะเร็งตับ คือ การตรวจหามะเร็งตับตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ด้วยวิธีมาตรฐาน คือการทำอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนบนเพื่อดูตับทุก 6 เดือน บางครั้งอาจจะทำการตรวจเลือดดูสารบ่งชี้มะเร็งตับ หรือ ค่า AFP ร่วมด้วย

พญ.อัญญา เกียรติวีระศักดิ์ แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวว่า ไวรัสตับบีมีความแข็งแรงอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน ก่อโรคตับอักเสบชนิดบีทั้งแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ในระยะยาว ทั้งนี้ไวรัสตับบีประมาณ 90% ติดจากแม่สู่ลูกตอนคลอด แต่ก็สามารถมาติดตอนโตได้ ผ่านเลือดและสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อ โดยการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน การใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกัน การรับเลือด หรือการปลูกถ่ายอวัยวะ สำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อหรือถ้ายังไม่มีภูมิคุ้มกันขอแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต โดยเฉพาะผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 ซึ่ง เป็นช่วงที่ยังไม่มีการฉีดวัคซีนไวรัสตับบีในเด็กแรกเกิดอย่างทั่วถึง

ด้าน พญ.กันต์สุดา ปัญจชัยพรพล ผู้ช่วย ผอ.รพ.จุฬาภรณ์ และแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวว่า ผู้ที่จะควรได้รับวัคซีนไวรัสตับบี ได้แก่ ทารกแรกเกิด ผู้ใหญ่ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน หรือไม่มีภูมิคุ้มกัน บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน ผู้ที่อยู่ร่วมบ้านกับผู้ติดเชื้อไวรัสบี ผู้ที่ต้องรับเลือดบ่อย ผู้ป่วยเบาหวาน, ไตวาย, หรือภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นต้น โดยจะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม หลังฉีดเข็มแรกเสร็จแล้ว อีก 1 เดือนให้ฉีดเข็มที่สอง จากนั้นอีก 6 เดือนหลังเข็มแรกให้นับเป็นเข็มที่สาม เมื่อครบ 3 เข็มจะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ถึง 95% เฉลี่ยเข็มละ 300 บาท.