ไม่ใช่เพียงมรดกทางวัฒนธรรม สด๊กก๊อกธม เคยเป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัย

ไม่ใช่เพียงมรดกทางวัฒนธรรม สด๊กก๊อกธม เคยเป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัย

View icon 149
วันที่ 11 ส.ค. 2568 | 17.03 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รู้หรือไม่ ปราสาทสด๊กก๊อกธม ไม่ใช่เพียงแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ในช่วงสงครามเขมรแดง พื้นที่แห่งนี้เป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชานับแสนชีวิต สะท้อนถึงความมีน้ำใจ ช่วยเหลือมนุษย์ในยามวิกฤตอย่างแท้จริง

ไทย-กัมพูชา วันนี้ (11 ส.ค.68) อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม สระแก้ว นำเสนอองค์ความรู้เกี่ยวกับบทบาทของปราสาทสด๊กก๊อกธม ในช่วงสงครามและความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในปี 2518 ย้อนถึงความหลังปราสาทสด๊กก๊อกธม: โบราณสถานชายแดนตะวันออกของไทย สู่ที่พักพิงของผู้ลี้ภัยกัมพูชา

ในปี 2478 กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนปราสาทสด๊กก๊อกธมเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ในช่วงเวลานั้นพื้นที่ของปราสาทสด๊กก๊อกธม เต็มไปด้วยป่ารกทึบ และซากปรักหักพังของโบราณสถาน และยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก ในระหว่างพ.ศ. 2518 - 2526  บริเวณพื้นที่ปราสาทสด๊กก๊อกธม ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนไทย - กัมพูชา ถูกใช้เป็นศูนย์อพยพชั่วคราวในความดูแลขององค์การสหประชาชาติ (UNHCR)  เพื่อให้กองกำลังเสรีและประชาชนชาวกัมพูชาผู้ลี้ภัยจำนวนหลายแสนคน ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามเขมรแดง ภายในประเทศกัมพูชา มาพักพิงที่ปราสาทแห่งนี้ นอกจากปราสาทสด๊กก๊อกธมแล้วยังมีศูนย์อพยพอีกหลายแห่ง ได้แก่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรี (ในขณะนั้น), ช่องจอม, กาบเชิง, จังหวัดศรีสะเกษ
         
นอกจากการสู้รบภายในประเทศกัมพูชาแล้ว กองกำลังเขมรแดงยังตามไล่ล่าผู้อพยพเข้ามาฝั่งประเทศไทยและได้ฝังทุ่นระเบิดจำนวนมาก ไว้ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเพื่อป้องกันชาวกัมพูชาอพยพออกนอกประเทศ

จากคำบอกเล่าของชาวบ้านในพื้นที่ภายหลังสงครามทำให้ทราบว่า ในช่วงเวลาสงคราม ตัวปราสาทสด๊กก๊อกธมได้รับผลกระทบ จากการงัดหินปราสาทบางส่วนไปทำบังเกอร์ ทำเตาก้อนเส้า มีการวางทุ่นระเบิดโดยรอบพื้นที่ ทำให้กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย และเป็นสาแหตุหนึ่งที่ทำให้ปราสาทได้รับความเสียหาย
          
เมื่อสถานการณ์ความรุนแรงมากขึ้น ประชาชนกัมพูชาจำนวนมากถูกผลักดันให้อพยพออกนอกประเทศเพิ่มขึ้นประเทศไทยจึงได้ร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศจัดตั้งศูนย์ผู้ลี้ภัยเขาอีด่าง ซึ่งเป็นค่ายผู้ลี้ภัยที่ใหญ่ที่สุด เพื่อรองรับผู้ลี้ภัยที่อพยพหนีความรุนแรงมาจากกัมพูชา ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของค่ายผู้ลี้ภัย ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาจำนวนมากได้รับการจัดสรรให้เดินทางไปตั้งรกรากในประเทศที่สาม อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และฝรั่งเศส ขณะที่ผู้ลี้ภัยบางส่วนทยอยเดินทางกลับประเทศกัมพูชา หลังจากสงครามกัมพูชาสงบลง ค่ายผู้ลี้ภัยเขาอีด่างได้ทยอยปิดตัวลงในปี 2536

6899c23f5f0782.47156445.jpg           

บทบาทของประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นพื้นที่สะท้อนถึงความมีน้ำใจ  พอมีเมตตาและช่วยเหลือมนุษย์ในยามวิกฤตอย่างแท้จริง รู้หรือไม่

1.ในอดีตผู้ลี้ภัยกัมพูชาที่อพยพมาพักพิงที่ปราสาทสด๊กก๊อกธม ได้ขุดหาแหล่งน้ำดื่มข้างในบาราย จำนวนหลายร้อยหลุม เพื่อนำมาดื่มประทังชีวิต ทำให้เกิดการขุดตัดชั้นดินกักเก็บน้ำของบาราย ส่งผลให้บารายในปัจจุบันไม่สามารถกักเก็บน้ำได้

2.ศูนย์ปฏิบัติการกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ร่วมกับองค์กรพันธมิตรแห่งประเทศญี่ปุ่นเพื่อปฏิบัติการกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (JAHDS) และมูลนิธิ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ปราสาทสด๊กก๊อกธมแล้วเสร็จเมื่อ ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) โดยกรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะปราสาทสด๊กก๊อกธมคู่ขนานไปกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด