ฮุนเซน ไว้ใจไม่ได้ ดร.สามารถ ท้วงไม่ควรหวังผลการเจรจามากเกินไป

ฮุนเซน ไว้ใจไม่ได้ ดร.สามารถ ท้วงไม่ควรหวังผลการเจรจามากเกินไป

View icon 120
วันที่ 13 ส.ค. 2568 | 09.56 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ดร.สามารถ ท้วงรัฐบาลไม่ควรหวังผลการเจรจามากเกินไป ฮุนเซนไว้ใจไม่ได้ จากทุ่งสังหาร สู่สงครามลูกผสม เทคโนโลยีเปลี่ยนเกม จากปืน AK สู่โดรน และสงครามไซเบอร์ ข้อมูลบิดเบือนรายวัน

วันนี้ (13 ส.ค.68) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ใช้พื้นที่เฟซบุ๊กส่วนตัวให้ความเห็นถึงสมเด็จฯ ฮุน เซน จาก “ทุ่งสังหาร” ถึง “โดรนสอดแนม” โดยระบุว่า กว่า 4 ทศวรรษก่อน โลกได้จารึก “ทุ่งสังหาร” ของกัมพูชาช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย ความตาย ความหวาดกลัว เสียงปืน เสียงระเบิด และเสียงร่ำไห้ของผู้สูญเสีย ภายใต้เขมรแดงของ พอล พต ทหารเขมรแดงนายหนึ่งชื่อ ฮุน เซน หลบหนีระเบิดและกระสุนปืนข้ามพรมแดนไปซบอ้อมอกเวียดนาม ก่อนกลับมาในฐานะนักการเมืองที่ไต่เต้าสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ แต่ใครจะคิดว่า ชายผู้เคยรู้จัก “บาดแผลสงคราม” ดีถึงขนาดนั้น เลือกที่จะกลับมาสู่โหมดที่ท้าทายสันติภาพอีกครั้ง

ทุ่งสังหาร The Killing Fields – ความจริงที่เจ็บปวดกว่าในหนังภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเหตุการณ์จริงในกัมพูชา ช่วงปี 1975–1979 เมื่อเขมรแดง (ภายใต้การนำของ พอล พต) ยึดอำนาจจากรัฐบาลลอนนอล และเปลี่ยนประเทศเป็น “รัฐเกษตรกรรม” แบบสุดโต่ง ประชาชนถูกบังคับออกจากเมือง ให้อพยพไปสู่ชนบทเพื่อทำงานเกษตร ปัญญาชนและผู้เห็นต่างถูกสังหาร ประเทศทั้งประเทศถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นค่ายแรงงานกลางแจ้ง มีผู้เสียชีวิตกว่า 1.7 ล้านคน มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากหนีเข้าสู่ไทย โดยมีค่ายผู้ลี้ภัยชายแดนไทย-กัมพูชารองรับ

ไทย-กัมพูชา 2025 สงครามยุคใหม่ เดือนกรกฎาคม 2025 ชายแดนไทย-กัมพูชาปะทะกันรุนแรง มีทั้งการยิงปืนใหญ่ ปืนกลหนัก และการใช้โดรนสอดแนม ไทยมีการอพยพพลเรือนหลายแสน “ทุ่นระเบิด” โดยฝ่ายกัมพูชากลับมาหลอกหลอนชายแดนอีกครั้ง ทหารไทยได้รับบาดเจ็บหลายราย  มี “สงครามข้อมูล (Information War)” เกิดขึ้น เมื่อกัมพูชาใช้สื่อโซเชียลบิดเบือนข้อเท็จจริงรายวัน  นี่ไม่ใช่สงครามล้างเผ่าพันธุ์แบบเขมรแดง แต่ก็น่ากลัว เพราะมันคือ สงครามลูกผสม (Hybrid War) ที่ใช้ทั้งทหาร เทคโนโลยี และข้อมูลโจมตีพร้อมกัน

ข้อความตอนหนึ่ง ดร.สามารถ ฝากบทเรียน 5 ข้อในอดีต ที่ยังใช้ได้ ดังนี้
1) พลเรือนคือผู้จ่ายราคาสูงสุด ไม่ว่าจะปี 1975 หรือ 2025 คนธรรมดาคือคนที่ต้องหนี ต้องสูญเสีย และต้องเริ่มต้นใหม่
2) สำหรับ ฮุน เซน ในอดีตเส้นพรมแดนคือเส้นทางรอดชีวิตจากทุ่งสังหารหลบหนีไปเวียดนาม แต่ปัจจุบันเส้นพรมแดนคือจุดเสี่ยงที่ปะทุเป็นสงครามใหญ่
3) ข้อมูลคืออาวุธ เขมรแดงปิดกั้นข้อมูล แต่ยุคนี้มีการยิงข้อมูลใส่กันแบบไม่หยุด
4) เทคโนโลยีเปลี่ยนเกม จากปืน AK สู่โดรนหรืออากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle หรือ UAV) และสงครามไซเบอร์
5) อย่าประเมินความตึงเครียดต่ำไป สงครามใหญ่ในอดีตเริ่มจากการประเมินผิดเพียงครั้งเดียว

ดร.สามารถ ระบุด้วยว่า รัฐบาลไม่ควรหวังผลจาก “การเจรจา” มากเกินไป การเจรจาอาจใช้ไม่ได้ผลกับกัมพูชา เพราะไว้ใจไม่ได้ อีกทั้งไม่ยอมเจรจาแก้ปัญหาในสิ่งที่ตนทำไว้คือวางทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา หลังการประชุม GBC ผ่านไปไม่นาน เมื่อวันที่ 9 และ 12 ส.ค.68 ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขาขาดวันละ 1 นาย รวม 2 นาย นี่คือความไร้มนุษยธรรมของผู้นำกัมพูชา

ดร.สามารถ ฝากข้อความถึง “ฮุน เซน”  ควรจำไว้ว่า “ผู้นำที่แท้จริง ไม่ใช่ผู้ที่ชนะศึกด้วยกำลัง แต่คือผู้ที่ชนะใจเพื่อนบ้านด้วยสันติภาพ เพราะถ้าลืมบทเรียนจากทุ่งสังหาร วันหนึ่งประวัติศาสตร์อาจจำท่าน ไม่ใช่ในฐานะผู้นำที่สร้างชาติ แต่เป็นผู้จุดชนวนสงครามครั้งใหม่ในภูมิภาคนี้”