"วีระ" เตือนเสี่ยงเจอวิกฤตการคลัง หากยังจัดงบฯ ขาดดุล-ไม่สอดคล้องรายได้จริง ชี้ยอดเก็บรายได้ต่ำจุดอันตราย จี้แก้ไขงบผูกพัน อย่าพอกพูนความเสี่ยงจนเกิดกับดัก เสนอตัดงบฯ 69 ลง 10% เพื่อปรับฐานการเงินการคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
วันนี้ (13 ส.ค.68) นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 สงวนความเห็น อภิปรายว่า การจัดทำงบประมาณรายประจำปีซึ่งอาศัย พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ในการกำหนดกรอบกติกา และมาตรฐานในการบริหารรายได้ การใช้จ่าย และการก่อหนี้ของรัฐ เพื่อให้การเงินการคลังของประเทศมีความมั่นคงและยั่งยืน แม้จะดำเนินการอย่างรอบคอบก็จริง แต่จากประสบการณ์ที่เข้ามาทำหน้าที่ กมธ.ตนมีความเป็นห่วงต่อสถานภาพทางการเงินและการคลังของประเทศในปัจจุบันและในอนาคตมากกว่าเดิม เพราะหากการบริหารการคลังยังมีวิธีคิดแบบเก่า หรือใช้วิธีการแบบเดิมอย่างในปัจจุบัน จะมีปัญหา และจะเจอวิกฤตการเงินการคลังในอนาคตอย่างแน่นอน
นายวีระ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหามาตลอด และจะหนักหนาสาหัสมากขึ้นต่อไปในอนาคต คือการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล โดยในงบประมาณปี 2569 มียอดขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท และประมาณการรายได้ไว้ที่ 2.9 ล้านล้านบาท ซึ่งปัญหาคือการประมาณการที่ใช้ในการจัดทำงบปี 2569 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 1.3-3.3 % ซึ่งตนมองว่าอัตราการขยายตัวน่าจะต่ำกว่านั้นมาก ทำให้การประมาณการรายได้สูงกว่าความเป็นจริง และทำให้ต้องนำเงินคงคลังมาใช้ และตามมาด้วยการตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลังในอนาคต นอกจากนี้ งบประมาณรายจ่ายจำนวนหนึ่ง ไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ เพราะเป็นเพียงการโอนเงินเท่านั้น เช่นการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ยืม และการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับรัฐวิสาหกิจ สิ่งนี้เป็นภาระทางการคลัง ที่น่าห่วงใยมาก
นายวีระ กล่าวต่อว่า การตั้งงบประมาณรายจ่ายที่ไม่สอดคล้องกับประมาณการรายได้ ทำให้การตั้งวงเงินงบประมาณรายจ่ายนั้นสูงกว่าความเป็นจริง ทำให้ต้องกู้ยืมด้วยการทำงบประมาณขาดดุลเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ทำก็เป็นเพียงไม่ให้ขัดต่อกฎหมายเท่านั้น การบริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายแบบนี้ นับวันจะสะสมพอกพูนความเสี่ยงทางด้านการคลังของประเทศมากขึ้น
นายวีระ กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้เมื่อเทียบกับ GDP มีลักษณะถดถอย จากเดิมที่เคยเก็บได้ร้อยละ 19-20 % แต่ปัจจุบันลงมาเหลือร้อยละ 14-15 % ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย จึงขอตั้งสังเกตให้ได้คิดพิจารณากันในอนาคต
นายวีระ กล่าวว่า หากดูไส้ในของงบประมาณสิ่งที่น่าตกใจและควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน ภาระผูกพันในงบประมาณ ที่มียอดสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาท โดยเป็นภาระผูกพันใหม่ในงบปี 2569 จำนวน 3.5 แสนล้านบาท เท่ากับว่าการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีในอนาคต จะมีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก เกิดสภาพกับดักทางงบประมาณ เพราะมีภาระผูกพันที่พอกพูน ซึ่งแก้ไขยากหากไม่เริ่มแก้ไข ณ ตอนนี้
นายวีระ กล่าวว่า หากดูยอดงบประมาณที่มีการขาดดุล 4 % เมื่อเทียบกับ GDP เป็นอัตราที่เป็นอันตราย เพราะมาตรฐานในการขาดดุลงบประมาณ ไม่ควรเกิน 3 % ด้วยเหตุที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยชะลอตัวต่ำ จึงอยากจะบอกว่า หากได้อ่านรายงานความเสี่ยงทางการคลัง ในงบประมาณปี 2567 และแผนการคลังระยะกลาง ปีงบประมาณ 2569-2572 ได้ส่งสัญญาณว่าอาจจะเกิดวิกฤติการเงินการคลังในอนาคต หากไม่แก้ไขตอนนี้ ตนจึงเสนอให้ตัดลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ลงเป็น 10 %เพื่อปรับฐานการเงินการคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม