พลทหารม่อน เปิดใจ นาทีชีวิตถูกระเบิดที่คูเลตจนบาดเจ็บ เผย ทหารกัมพูชารบแบบยิงมั่ว ไม่รู้กระสุนจะไปโดนใคร

พลทหารม่อน เปิดใจ นาทีชีวิตถูกระเบิดที่คูเลตจนบาดเจ็บ เผย ทหารกัมพูชารบแบบยิงมั่ว ไม่รู้กระสุนจะไปโดนใคร

View icon 232
วันที่ 13 ส.ค. 2568 | 16.13 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
พลทหารม่อน เปิดใจ นาทีชีวิตถูกระเบิดที่คูเลตจนบาดเจ็บ เผย ทหารกัมพูชารบแบบยิงมั่ว ไม่รู้กระสุนจะไปโดนใคร และไม่สนใจชาวบ้านจะเดือดร้อนหรือไม่กับการกระทำ เรียกว่า รบแบบไร้มนุษย์ธรรม

วันที่ 10 ส.ค.68 ที่ จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของ พลทหารพิตรพิบูล รามคำ หรือม่อน อายุ 18 ปี บ้านผาทั่ง ตำบลห้วยแห้ง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า สะเก็ดระเบิดฝังที่ใบหน้า และตา จนแพทย์นั้น ต้องนำสะเก็ดระเบิดออก และเคราะห์ดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ จากบริเวณพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ จากนั้น ก็ได้ถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบราชธานี 3 วัน จากนั้นอาการก็เบาลง และให้ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลค่ายจีรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นก็ให้กลับมาพักฟื้นที่บ้านตำบลห้วยแห้ง อำเภอบ้านไร่ ซึ่งในตอนนี้ที่บ้านนั้นกำลังปรับปรุงบ้าน

โดยก่อนหน้านี้ทางพระครูปลัดสุวัฒนรัตนคุณ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม จังหวัดอุทัยธานีและพระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด และ อบต.ห้วยแห้ง รวมถึงผู้ที่ใจบุญต่างมาร่วมกันปรับปรุงบ้านที่ทรุดโทรมให้ พลทหารพิตรพิบูล ซึ่งอยู่กับตาและยาย โดยพลทหารพิตรพิบูล หรือน้องม่อน ได้ไหว้เท้าและสวมกอดนายประชัน  กระดานราช อายุ 63 ปี และ นางธิตา แก้วเขียว อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นตาและยายของพลทหารม่อน ทั้งน้ำตาด้วยความดีใจที่ได้กลับมาหาอีกครั้ง  นางธิตา นั้นร่ำไห้สวมกอดหลานด้วยความภาคภูมิใจอย่างมาก โดยและขอเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า พ่อและแม่ นั้นได้แยกทางกันอยู่ โดยฝ่ายพ่อนั้นได้แยกทางไป และแม่นั้นทำงานเป็น รปภ.อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลพอรู้ว่าลูกมาพักฟื้นที่บ้านก็มาหาและมาอยู่ด้วยและเพิ่งกลับไปทำงาน ซึ่งแม่นั้นได้โทรศัพท์ติดต่อพลทหารม่อนมาตลอดด้วยความห่วงใย

และเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ได้รับคำสั่งให้ขึ้นไปยังภูมะเขือ พร้อมกับทหารนายอื่นๆ พอไปถึงผู้บังคับหมู่ก็ให้เข้าไปในคูเลต หรือที่หลบ และโต้ตอบโดยยิงป้องกันไว้ ในตอนนั้นอยู่กับเพื่อน 2 คน และมีเพื่อนที่ถือวิทยุเดินมาหาเพื่อนได้ถามผู้บังคับหมู่ว่า วิทยุต้องเปิดหรือเปล่า ผู้บังคับหมู่ก็บอกไปว่า ไม่ต้องเปิดนะ วิทยุเค้าไม่ให้ใช้ จากนั้นเพื่อนก็ปิดไปรอบหนึ่ง จากนั้นก็เปิดวิทยุใหม่ จากนั้นมีนายทหารอีกคนหนึ่งเดินมาบอกว่าไม่ต้องเปิดนะวิทยุ เพราะ ทหารเขมรมันจับสัญญาณได้ นั่นคือ สาเหตุให้ถูกลูกกระสุนปืนใหญ่ ค 82 ยิงมายังคูเลตที่หลบกันอยู่ ยอมรับว่า พอระเบิดลงถึงพื้นก็ตกใจและเสียงนั้นดังกระหึ่มจนน่ากลัว ลงมาจนหูอื้อไปเลย จากนั้นมาก็ถูกสะเก็ดระเบิดที่หน้า เข้าที่จมูกและตามใบหน้าและเข้าตาข้างขวา แต่เป็นแค่เศษเล็กๆจากนั้นก็ถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบราชธานี  ประมาณ 3-4 วัน จากนั้นก็มารักษาต่อที่โรงพยาบาลค่ายจีรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ 1 คืน พอเช้ามาทางค่ายจีรประวัติก็ให้กลับมาพักที่บ้าน

และส่วนการมาเป็นทหารที่อายุเพียง 18 ปี นั้นเรียน อยู่นั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนบ้านไร่วิทยา  และเพียงอีก 2 เดือนก็จะเรียนจบแล้ว จากนั้นก็สมัครทหารด้วยความเต็มใจทางออนไลน์เพื่อไปฝึกทันทีเลย  เพราะการทหารเป็นใฝ่ฟันอยากจะเป็นตั้งแต่เด็กแล้ว และชื่นชอบในอาชีพทหารมาก และพอมีประเทศคำสั่งให้ไปรบก็ตกใจเล็กน้อยและไม่คิดว่าจะได้ไป  เพราะมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ไปหากไม่มีสงคราม ซึ่งฝึกอยู่เพียง 3 เดือน ก็มีโอกาสเข้าสนามรบจริงเลย 
       
และอยากฝากถึงเพื่อนทหารที่ยังคงประจำการอยู่ขอให้ระวังตัวให้ดี ซึ่งเป็นอะไรที่อธิบายยาก เพราะระหว่างทหารกับพูชากับทหารไทยวิธีการรบนั้นก็แตกต่างกันแล้ว เพราะทหารกับพูชานั้นยิงมั่ว นึกจะยิงก็ยิงเลยโดยไม่สนเป้าหมายที่กระสุนหรือระเบิดที่จะลงไป และไม่มีการแจ้งเตือนก่อนว่าจะยิงจับปืนได้ก็ยิงเลยทันที ซึ่งช่วงผมโดนสะเก็ดระเบิดทางทหารกับพูชา ก็กระหน่ำยิงแหลก เพื่อหวังจะเอาชีวิตทหารที่อยู่ในคูเลตเลย และทางฝั่งเราก็ยิงโต้กลับไปทันทีเช่นกัน และมีความรู้สึกภาพภูมิใจมากที่ได้รบเพื่อป้องกันเพื่อปกป้องประเทศชาติ และส่วนตาและยายบอกว่าหากไปไปอีกรอบหนึ่งก็ไม่ห้าม แต่ขอให้ระวังตัวให้ดีเท่านั้นเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง