พบพิรุธเส้นทางการเงิน วัดพระบาทน้ำพุ

View icon 419
วันที่ 14 ส.ค. 2568 | 07.09 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - คดีหมอบี ที่ลามไปถึงเรื่องการบริหารจัดการภายในวัดพระบาทน้ำพุ มีหลายมิติที่ตำรวจใช้คำว่า "หมิ่นเหม่" ต่อการทำผิดกฎหมาย ต้องรอการตรวจสอบ และอาจจะต้องสอบย้อนหลังไป 20 ปี

หลังประชุมกันประมาณ 1 ชั่วโมง "บิ๊กเต่า" ก็ออกมาสรุปว่า คดีคืบหน้าไปมาก และพบความผิดปกติในการบริหารจัดการของวัดพระบาทน้ำพุจริง แต่ยังต้องขยายผลสอบสวนเพิ่มเติม ตรวจสอบในหลาย ๆ มิติไปพร้อมกัน ทั้งเรื่องคดี "หมอบี" และปัญหาที่เกิดขึ้นภายในวัด หลายเรื่องต้องใช้คำว่า "หมิ่นเหม่" ยังไม่อยากให้สรุปว่าเป็นเรื่องทุจริต ยังไม่ถึงขั้นต้องออกหมายเรียก แต่คิดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าจะชัดเจน

ส่วน "หมอบี" เมื่อวานไปออกรายการโทรทัศน์ ตอบหลายประเด็นน่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องเงินบริจาคส่วนใหญ่ 95-99 % ถูกนำถวายหลวงพ่ออลงกต โดยตรง ส่วนที่เหลือเป็นการถวายงานตามดำริของหลวงพ่อ

การทำบุญผ่านบัญชี "ใจฟ้าอาทรประชานาถ โดยนายเสกสันต์" จะมี 2 แบบ แบบแรก จะเป็นการทำบุญทั่วไป จะนำไปใช้อะไรก็ได้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม

กับอีกแบบเป็นโครงการเฉพาะกิจ เช่น ไถ่ชีวิตโคกระบือ, ช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา อันนี้จะโอนตรงเข้าผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งจะมีรายงานให้หลวงพ่อรับทราบ

ส่วนเรื่องใบอนุโมทนาบัตรไม่ตรงวัตถุประสงค์ ยอมรับว่าเพราะวัดมีใบนุโมทนาบุญรูปแบบเดียว และตนเองก็เป็นเพียงจิตอาสา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย จึงมองว่าเป็นการทำบุญเหมือนกันหมด ส่วนเรื่องที่ถวายเงินสด ไม่ใช่การโอนเงิน เพราะคล่องตัวในการทำงาน และตัวเองก็ชอบที่จะใช้จ่ายด้วยวิธีการนี้

หลังจบรายการ "หมอบี" ไม่ให้สัมภาษณ์ แต่มอบหมายให้ทนายความชี้แจงแทน โดยเฉพาะประเด็นที่ชวนสงสัย คือการอ้างเหตุผลเรื่องการถวายเงินสดให้วัด

ด้าน หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ก็ได้อธิบายเจตนาของตนเอง ที่ทำโครงการต่าง ๆ ขึ้นมาว่าเป็นการวางรากฐานเพื่ออนาคตของผู้ป่วย HIV โดยเฉพาะเด็ก ๆ เพราะสมัยนั้น สังคมตั้งข้อรังเกียจ จึงต้องเตรียมการต่าง ๆ เผื่อไว้

ส่วนที่มาของเงินบริจาค ส่วนใหญ่ได้มาจากการจำหน่ายเหรียญสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช แล้วที่ดินกว่า 2,000 ไร่ ก็ไม่ใช่ซื้อมาในคราวเดียว แต่ทยอยซื้อมาก่อนปี 2540 จึงอยากให้สังคมมองเรื่องเจตนาที่ตั้งใจช่วยเหลือผู้เดือดร้อน

ขณะประเด็นเรื่องสิ่งของบริจาคที่เห็นเก็บอยู่ในโกดัง ปล่อยให้หมดอายุไปทั้งอย่างนั้น มีเจ้าหน้าที่วัดพระบาทน้ำพุ ชี้แจงปัญหาให้ฟังว่า เป็นพวกเวชภัณฑ์ประเภทสิ้นเปลือง จำพวกหน้ากากอนามัย แพมเพิส ซึ่งเป็น "ของเหลือ" ที่คนนำมาบริจาคให้ผู้ป่วยจึงหมดอายุเร็ว ส่วนเหตุที่ไม่ทำลาย เพราะวัดมีบุคลากรไม่พอที่จะนำไปทำลาย

ส่วนที่มีข้อสงสัยว่า จริง ๆ แล้ว DSI ก็น่าจะเคยตรวจสอบเรื่องวัดพระบาทน้ำพุ มาก่อนไม่ใช่หรือ แล้วทำไมคดีถึงเงียบหายไป เรื่องนี้ โฆษก DSI ชี้แจงว่า เป็นการตรวจสอบจากประเด็นในโซเชียลฯ ช่วงปี 2565-2566

แล้วคณะสืบสวนสรุปความเห็นว่า เข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ไม่เข้าหลักเกณฑ์เป็นคดีพิเศษ จึงส่งเรื่องไปสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดลพบุรี และผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ก่อนจะยุติการสืบสวนไป

ผู้สื่อข่าวมีโอกาสเข้าไปสอบถามกับผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลพบุรี บอกว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับ "ผู้อำนวยการคนเก่า" จึงยังไม่ทราบข้อเท็จจริงในประเด็นต่าง ๆ ที่สื่อนำเสนอ

แต่หลังจากมีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทางเจ้าคณะตำบลเขาสามยอด ได้แต่งตั้ง คณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการทันที ซึ่งจะไล่ตรวจสอบสถานะตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เพื่อรายงานให้เจ้าคณะจังหวัดทราบภายในวันที่ 15 สิงหาคมนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง