โรม แนะรัฐบาลใช้กลไกศาลโลก บี้กัมพูชากลับสู่วงเจรจาทวิภาคี การันตีไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก

โรม แนะรัฐบาลใช้กลไกศาลโลก บี้กัมพูชากลับสู่วงเจรจาทวิภาคี การันตีไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก

View icon 88
วันที่ 19 ส.ค. 2568 | 17.30 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
กดดันทุกช่องทาง โรม แนะรัฐบาลฟ้องกัมพูชาต่อศาลโลก พ่วงปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ดึงกลับสู่วงเจรจาทวิภาคี เพื่อการันตีไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ลั่นจับเข้าคุกไทย เขมรไม่กลัว

วันนี้ (19 ส.ค.68) นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีรัฐบาลดำเนินคดีอาญากับสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยหากพบที่ประเทศไทย สามารถจับกุมได้ทันทีว่า การดำเนินการผ่านกระบวนการยุติธรรมในประเทศ ไม่ใช่สิ่งที่กัมพูชากลัวที่สุด แต่ก็ต้องดำเนินการ ซึ่งการลงพื้นที่มาเห็นผู้ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถเป็นผู้ร้องเรียนได้ แต่จู่ๆ ชาวบ้านจะไปร้องเรียนเองก็เป็นไปไม่ได้ ต้องดำเนินการโดยรัฐบาล ที่อำนวยความสะดวกในการร้องเรียน

ขณะเดียวกันกัมพูชาก็เป็นภาคีอนุสัญญาศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) อยู่แล้ว ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่เป็นภาคี กระบวนการจะยกระดับไปสู่ศาล ICC ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องไปให้สัตยาบัน ตนจึงอยากให้รัฐบาลยกระดับ เพราะถือเป็นสิ่งการันตี จะทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งตามแนวชายแดนแบบที่ผ่านมา มากกว่านั้น โดยเฉพาะภาพเหตุการณ์ที่เกิดที่ช่องอานม้าเมื่อช่วงเช้า สะท้อนให้เห็นวุฒิภาวะของกัมพูชา แต่อีกด้านหนึ่งที่ประชาชนมองคือความกังวลที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงกว่าการปะทะคารม หรือการผลักกันหรือไม่ ทำให้ประชาชนตามแนวชายแดนรู้สึกไม่มั่นใจ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการศึกษา

วันนี้เด็กบางคนตัดสินใจไม่ไปโรงเรียน เพราะไม่รู้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ครอบครัวจะมีความพร้อมในการอพยพหรือไม่ ดังนั้น หากอยากทำให้เป็นหลักประกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก การฟ้องศาล ICC สามารถทำได้ และไม่ได้เอาผิดเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับไทยเท่านั้น แต่สามารถหยิบประเด็นอื่น เช่น คอลเซ็นเตอร์ ที่เข้าองค์ประกอบและมีหลักฐานชัดเจนว่าผู้นำกัมพูชามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งทุกประเทศได้รับผลกระทบ และการโจมตีที่มีเป้าหมายพลเรือน ตนเชื่อว่าสามารถสร้างเสถียรภาพตามพื้นที่แนวชายแดน และทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ภาวะปกติที่สามารถนั่งคุยเจรจาได้อย่างประเทศศิวิไลย์ที่หาทางออกเรื่องเส้นเขตแดน

เมื่อถามว่า ทำไมประเทศไทยถึงไม่ยอมฟ้องสมเด็จฯ ฮุน เซน ต่อศาล ICC นายรังสิมันต์ กล่าวว่า รัฐบาลคงไม่เข้าใจว่า ICC มีกลไกอย่างไร และต้องยอมรับว่าไทยนั้นหลีกเลี่ยงกระบวนการระหว่างประเทศ เพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับเรื่องนี้ และเชื่อมั่นในกลไกทวิภาคี ซึ่งกลไกทวิภาคีเป็นกลไกสำคัญและต้องมาลงรายละเอียดกัน การที่จะให้คนอื่นมาลงรายละเอียดแทนเราเป็นไปไม่ได้ ต้องยอมรับว่ากัมพูชาไม่ยอมใช้กลไกทวิภาคี แต่ถ้ามีกลไกใดที่ทำให้การเจรจากลับเข้าสู่วงทวิภาคีได้ คือการใช้กลไก ICC ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าหากปล่อยให้สถานการณ์บานปลายออกไป จากเดิมสถานการณ์ความขัดแย้งของคนไม่กี่คนใน 2 ประเทศ จะขยายตัวกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างคนไทยและกัมพูชา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะจุดเริ่มต้นความขัดแย้งไม่ได้เกิดจากคนไทยและกัมพูชา

ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่องนี้ ต้องใช้กลไกที่มีอยู่ทั้งระบบยุติธรรมในประเทศและต่างประเทศ ไม่สามารถดำเนินการด้วยกลไกอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ต้องดำเนินการกดดันในทุกช่องทาง