สนามข่าว 7 สี - หลังจากเมื่อวาน หลวงพ่ออลงกต ออกปฏิเสธเรื่องการลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ว่าจะยังไม่ลาออกและขอดูท่าทีก่อนสัก 1 เดือน แต่ปรากฏว่า แค่ข่ามวันเท่านั้น "หลวงพ่ออลงกต" ได้รับอนุญาตให้ลาออกจากตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลาออกแล้ว จะไม่เป็นไร เพราะตอนนี้เรียกว่า เกือบทุกหน่วยงานพร้อมใจกันเริ่มนับ 1 ในการตรวจสอบทุกปัญหาที่เกิดขึ้น
ถ้านับกันจริง ๆ แล้ว ตอนนี้หน่วยงานแรกที่เริ่มขยายตรวจสอบมาถึงวัดพระบาทน้ำพุ ก็คือตำรวจสอบสวนกลาง เพราะไล่เส้นทางการเงินจากคดี "หมอบี" จนมาถึงเรื่องการบริหารจัดการเงินบริจาคของ "หลวงพ่ออลงกต"
ซึ่งผลที่ได้จากการสอบปากคำ "หมอบี" และการไล่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังไปไม่ถึงจุดสรุป เพราะเพิ่งได้เส้นทางการเงินใหม่มาเพิ่ม ในขณะที่การประสานขอเส้นทางการเงินกับ วัดพระบาทน้ำพุ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ และผลจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ก็ไม่แน่ว่ารูปการณ์ทางคดี จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
ตามต่อมาด้วยชุดใหญ่ จาก นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ใช้เวลาประชุมหารือร่วมกับ "วัดพระบาทน้ำพุ" กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อยู่เกือบ 2 ชั่วโมง
ไล่มาทีละเรื่องเลย เริ่มจากปัญหาเงินบริจาคก่อน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ไปดูว่า มูลนิธิที่มีการเปิดรับบริจาคนั้น มีการรับบริจาคถูกต้องหรือไม่ ใช้เงินอย่างไร เกี่ยวข้องกับวัดอย่างไร เพราะถ้าเกี่ยวกับวัด ก็ถือเป็นสมบัติของวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ต้องเข้ามาตรวจสอบด้วย
ต่อมาเรื่องที่ดิน อยู่ในชื่อของมูลนิธิกี่ร้อยไร่ ชื่อกรรมการถือครองกี่ไร่ เป็นการถือครองในนามส่วนตัว หรือถือครองแทนมูลนิธิ ซึ่งอันนี้ก็จะเป็นอีกเรื่องที่อาจกลายเป็นช่องโหว่ ต้องขันน็อตกันต่อ
เรื่องการสร้างอะคาเดมี และสนามกีฬา ที่มีค่าใช่จ่ายหลายแสนบาทต่อเดือน ต้องตรวจสอบว่า เป็นการนำเงินไปใช้ถูกต้องหรือไม่ สมเหตุสมผลไหม ทำไมต้องสร้างใหญ่โต เกินหน้าที่ของวัดหรือเปล่า ซึ่งเรื่องต่าง ๆ ที่ให้การบ้านไป ก็ให้เวลา 10 วัน ในการหาคำตอบ
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับสีกา อันนี้ขอด่วนเลย 1-2 วันนี้ ต้องมีคำตอบ ส่วนเรื่องวุฒิการศึกษา ถ้าไม่ใช่การนำไปใช้ในการเลื่อนสมณศักดิ์ คงไม่เป็นไร แต่ถ้าใช้วุฒิปลอม หรือเอกสารราชการปลอมก็จะมีความผิดได้
เรื่องวุฒิการศึกษา เอาจริง ๆ แล้วมีประเด็น และมีข้อมูลการให้สัมภาษณ์ ที่ขัดแย้งกัน ดูได้จากบทสัมภาษณ์เมื่อปี 2540 ในหนังสือชื่อ "Reader’s Digest" เขียนไว้ชัดเจนว่า "หลวงพ่ออลงกต" เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย และเข้ารับราชการที่กระทรวงเกษตรฯ ก่อนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หลายครั้ง ถึงได้บวชเรียน
และอีกเล่มเขียนในหนังสือ "วัยฝันสวย หนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี 2537" ทำนองเดียวกัน ว่าเรียน ป.1 ที่ราชบุรี ก่อนย้ายมาเรียนกรุงเทพฯ ตอน ป.4 แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก่อนจะเรียนจบ และไปเรียนต่อ ป.โท ที่ออสเตรเลีย ก่อนกลับมาไทย และทำงานที่กระทรวงเกษตรฯ ถึงได้บวชเรียน เพราะแม่ร้องขอ
ขณะที่คลิปวิดีโอที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ล่าสุด ตอบไปคนละทางเลย ว่าจริง ๆ แล้ว แค่เรียนจบชั้น ม.ปลาย ในจังหวัดขอนแก่น แล้วก็ไม่ได้เรียนต่อ เพราะบวชเป็นพระเสียก่อน ไม่ได้จบจากเทพศิรินทร์ ️ไม่ได้จบ ม.เกษตร และ️ไม่ได้จบออสเตรเลีย เพียงแต่มีความใฝ่ฝันอยากไปเรียนที่นั่นจริง ๆ ซึ่งเป็นการตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติการศึกษาที่ไม่ตรงกับข้อมูลที่เคยเผยแพร่ออกไปก่อนหน้านี้
นอกจากนี้หลวงพ่อ ยังบอกด้วยว่า "อดีตเคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ทำให้ความทรงจำบางส่วนได้รับผลกระทบ +------------และไม่สามารถจดจำรายละเอียดในชีวิตได้ชัดเจนทั้งหมด"
ต่อมาทาง ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงพฤติกรรม และผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการวิชาการ คณะสังคมศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "เรื่องการสูญเสียความทรงจำ มันตรวจด้วยการ สแกนสมองได้นะครับ"
นอกจากหน่วยงานข้างต้นที่ว่ามาแล้ว วานนี้ มีทางนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูปัญหาเรื่องการดูแลผู้ติดเชื้อ HIV ปัญหาการจัดเก็บยา และเวชภัณฑ์ อนามัยความสะอาด รวมถึงการเพาะปลูกกัญชาที่ใช้ในทางการแพทย์ ว่าได้ปฏิบัติตามระเบียบด้านสาธารณสุขไว้ หรือไม่