ชายแดนพบพระ จับต่างด้าว 37 คน ชายแดนสระแก้ว จับกัมพูชา 4 คน ลอบเข้าไทย อยากมาทำงาน กลับประเทศแต่ รัฐบาลไม่ช่วย-ไม่มีงานรองรับ
วันนี้ (20 ส.ค.68) ตำรวจ สภ.พบพระ จว.ตาก และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ บก.สส.ภ.6 ออกปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเฝ้าตรวจพื้นที่รับผิดชอบตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณป่าละเมาะริมแม่น้ำเมย บ้านมอเกอร์ไทย ม.1 ต.วาเลย์ อ.พบพระ จ.ตาก ตรวจพบกลุ่มบุคคลต่างด้าวเดินเท้าอยู่ในป่าเป็นจำนวนมาก จึงเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 37 คน จำแนกเป็นเพศชาย 18 คน หญิง 19 คน ตรวจสอบไม่มีเอกสารประจำตัวของบุคคลต่างด้าวและไม่มีเอกสารการอนุญาตเข้ามาในราชอาณาจักร จึงได้จับกุมในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ดำเนินการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ NRM และสืบสวนขยายผลถึงขบวนการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าว มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทางด้านชายแดนด้านตะวันออก จ.สระแก้ว กองกำลังบูรพา ร่วมกับ ฉก.อรัญประเทศ และกองร้อยทหารพรานที่ 1201 ออกปฏิบัติการลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดน และตรวจพบบุคคลต้องสงสัยจำนวน 4 คน กำลังเดินเท้าลักลอบเข้ามาจากฝั่งกัมพูชา บริเวณบ้านดงงู ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว จากการตรวจสอบพบว่า ทั้งหมดเป็นแรงงานชาวกัมพูชา ไม่สามารถแสดงเอกสารใด ๆ ได้ จึงถูกควบคุมตัวเพื่อสอบสวน โดยทั้งหมดให้การตรงกันว่าเดินทางมาจากจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา มีความตั้งใจเข้ามาทำงานซ่อมรองเท้าที่ตลาดโรงเกลือ แม้จะรู้ว่าการลักลอบเข้าเมืองเป็นความผิดกฎหมาย แต่ยอมเสี่ยงเพราะไม่รายได้และขาดโอกาสในการทำงาน
พวกเขาตัดสินใจกลับประเทศเพราะกลัวไม่ปลอดภัย ทว่าหลังกลับไปอยู่ที่เมืองปอยเปตกลับไม่มีงานทำ เงินเก็บก็หมดลง แม้รัฐบาลกัมพูชาจะเปิดให้ลงชื่อหางาน แต่สถานที่ทำงานอยู่ไกลและได้ค่าแรงน้อยกว่าที่ไทยหลายเท่า
สถานการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาความยากจนและการจัดหางานของรัฐบาลกัมพูชา ทำให้ประชาชนบางส่วนต้องตกอยู่ในสถานการณ์จำยอมที่ต้องเสี่ยงชีวิตลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เพียงเพื่อจะกลับมาหาเลี้ยงชีพและครอบครัวในต่างแดนอีกครั้ง