ผู้เลี้ยงโคนมอ่วม ประจวบฯ นมล้นตลาดวันละ 20 ตัน หลังรัฐบาล FTA นำเข้านมต่างประเทศภาษี 0% ผู้บริหารสหกรณ์โคนม ขอให้มีมาตรการบังคับผู้ประกอบการต้องใช้น้ำนมดิบเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ จ.ประจวบฯ เป็น แหล่งเลี้ยงโคนมอันดับ 6 ของประเทศ
วันนี้ (20 ส.ค.68) ที่ห้องประชุมสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารสหกรณ์โคนม 6 แห่ง ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อแก้ปัญหานมโคล้นตลาด หลังสหกรณ์ฯ ได้รับผลกระทบจากข้อตกลงเปิดการค้าเสรี (FTA ) ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ โดยประเทศไทยได้ลดภาษีเป็น 0% สำหรับการนำเข้าน้ำนมดิบ นมผงขาดมันเนย และเครื่องดื่มประเภทนม/นม UHT จากต่างประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 เป็นต้นมา
นายสัตวแพทย์จามร ศักดินันท์ ปศุสัตว์จังหวัดประจวบฯ เปิดเผยว่า จ.ประจวบฯ มีการเลี้ยงโคนม มากเป็นอันดับ 6 ของประเทศ มีน้ำนมที่ผลิตได้ประมาณ 190 ตัน/วัน ซึ่งหลังจากมีการเปิดภาษีนำเข้านมผง 0% โดยรัฐบาลได้ทำ FTA กับออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทำให้ขณะนี้ จ.ประจวบฯ มีล้นตลาด 15-20 ตันต่อวัน ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากนมนำเข้าเนื่องจากบริษัทต่าง ๆ เคยใช้น้ำนมดิบมาผลิตผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หันไปใช้นมผงที่นำเข้าจากนิวซีแลนด์ เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกกว่า
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปดำเนินการออกมาตรการให้ผู้ประกอบการบริษัทผู้ผลิตต่าง ๆ ใช้น้ำนมดิบเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ร่วมด้วย มิฉะนั้นจะเกิดภาวะนมล้นตลาดมากกว่าเดิม หาที่ขายไม่ได้ จึงอยากฝากไปถึงประชาชนทั่วไปให้หันมาช่วยกันบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำนมดิบในการผลิต และให้เกษตรกรหันมาใช้น้ำนมดิบของตนเองเลี้ยงลูกวัวแทนการใช้นมผง รวมไปถึงการคัดทิ้งวัวที่ให้ผลผลิตน้ำนมไม่ดีออก ก็จะช่วยแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดได้ระดับหนึ่ง
นายสุทัศน์ อายุ 67 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมชาวอำเภอสามร้อยยอด เปิดเผยว่า ปัจจุบันรายได้จากการเลี้ยงโคนมเหลือน้อยมาก เนื่องจากต้นทุนสูงกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นยาปฏิชีวนะ แร่ธาตุ และอาหารต่าง ๆ ตอนนี้เหมือนทนเลี้ยงไปวัน ๆ แบบกระท่อนกระแท่น คาดหวังอะไรไม่ได้ โดยมีความคาดหวังว่าวันข้างหน้าในอนาคตคงจะดีขึ้น ถ้าหากรัฐไม่เข้ามาช่วยเหลือ การเงินก็จะสะดุด
นายยอดชาย รัตนพงษ์ อายุ 50 ปี ประธานสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์กประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้นมราคากลางอยู่ที่ 21.25 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งต้นทุนในการเลี้ยงวัวนมแต่ละตัวอยู่ที่ 220 บาทต่อตัวต่อวัน และน้ำนมที่ได้อยู่ที่ตัวละ 270 กว่าบาท ซึ่งถ้าหากราคานี้เกษตรกรยังพออยู่ได้ แต่ถ้าอนาคตราคานมต่ำกว่านี้เกษตรกรจะอยู่ไม่ได้