สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 20 สิงหาคม 2568

สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 20 สิงหาคม 2568

View icon 150
วันที่ 20 ส.ค. 2568 | 18.07 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 20 สิงหาคม 2568

1.กัมพูชากล่าวหาไทย ทำตัวเป็น “เหยื่อ” ปมทุ่นระเบิด

หลังมีการเผยภาพคลิปหลักฐาน ทหารกัมพูชาขุดจอบเพื่อฝังทุ่นระเบิด รวมทั้งคลิปถือทุ่นระเบิด PMN-2 ไว้ในมือ พร้อมกับอธิบายวิธีใช้งาน ซึ่งชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ ได้คลิปดังกล่าวมาจากการตรวจพบโทรศัพท์ของทหารกัมพูชา ที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ

ทาง นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ออกมาตอบโต้ว่า ไทยพยายามใช้ประเด็นทุ่นระเบิดมาบิดเบือนความจริง เพื่อทำให้โลกเข้าใจว่าไทยเป็น "เหยื่อ" แต่เหยื่อที่แท้จริงคือกัมพูชา โดยกัมพูชากล่าวหาว่า ไทยพยายามป้ายสีกัมพูชาว่าเอาระเบิดเก่าจากยุคสงคราม ปี 2513-2516 มาวางโชว์ แต่ในความเป็นจริงระเบิด MK-84 ที่พบในชุมชนโคกมอน ผลิตขึ้นในปี 2539 และระเบิด MK-82 ที่พบในวัดถ้ำเสนชัย ผลิตในปี 2566 แล้วระเบิดเหล่านี้จะเป็นเศษซากที่หลงเหลือจากยุคสงครามได้อย่างไร? นอกจากนี้ ที่ปราสาทพระวิหาร ยังพบระเบิด 155 มิลลิเมตร, ระเบิดพวง และระเบิดชนิดอื่น ๆ ด้วย

ส่วนประเด็นการวางทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ไทยกล่าวหาว่ากัมพูชาใช้ทุ่นระเบิด ใหม่ในดินแดนไทย กัมพูชาถามว่า ระเบิดจะเข้ามาอยู่ในดินแดนไทยได้อย่างไร หากดินแดนนั้นอยู่ตรงข้ามกัน ก็ถือว่าเป็น "ดินแดนพิพาท"


2.กัมพูชา นำคณะ IOT ลงพื้นที่ปราสาทพระวิหาร
กระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ได้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team : IOT) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจาก 5 ประเทศ ประกอบด้วย มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และ สปป.ลาว ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร เพื่อสังเกตการณ์ ตรวจสอบ และรายงานสถานการณ์ปัจจุบัน หลังข้อตกลงหยุดยิง

ทาง พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวว่า ภารกิจนี้เป็นผลจากการประชุมพิเศษเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา


นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ยังย้ำว่า กัมพูชามุ่งมั่นที่จะรักษาข้อตกลงหยุดยิง สนับสนุนกฎหมายระหว่างประเทศ ระงับข้อพิพาทด้วยสันติวิธี และกัมพูชาจะปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเต็มที่

3.ทำเนียบขาวเปิดตัวบัญชี TikTok
ทำเนียบขาวเปิดตัวบัญชีแอปพลิเคชัน TikTok อย่างเป็นทางการแล้ววานนี้ (19 ส.ค.) โดยใช้ชื่อว่า @whitehouse หวังใช้เป็นสื่อกลางถ่ายทอดคำพูดและข่าวสารเกี่ยวกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ไปยังผู้ใช้งานในสหรัฐฯ กว่า 150 ล้านคน

ทางโฆษกทำเนียบขาวระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะสื่อสารผลงานครั้งประวัติศาสตร์ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ มอบให้กับชาวอเมริกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และยังเป็นการสานต่อความสำเร็จในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งถือเป็นรูปแบบการสื่อสารที่รัฐบาลสหรัฐฯ ในอดีต ไม่เคยทำมาก่อน

ทั้งนี้ สมัยรัฐบาลอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน แอปฯ TikTok ของจีน ถูกมองว่าภัยความมั่นคง แต่หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประสบความสำเร็จในการหาเสียงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่าน TikTok จนเอาชนะนางคอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา มุมมองของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เปลี่ยนไป


4.น้องสาว “ผู้นำคิม” แซะ เกาหลีใต้มีสองบุคลิก
“คิม โย จอง” น้องสาวของ “คิม จอง อึน” ผู้นำเกาหลีเหนือ ยังคงทำหน้าที่เป็นประบอกเสียงแทนพี่ชายอย่างเข้มแข็ง ล่าสุด วิจารณ์เกาหลีใต้และประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ว่ามี "บุคลิกสองด้าน" ทางหนึ่งก็แสดงความต้องการที่จะเจรจาสันติภาพ ขณะเดียวกันก็ยังคงมีปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯ พร้อมเหน็บว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ไม่ใช่คนประเภทที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การเผชิญหน้าของทั้ง 2 ประเทศ

สาเหตุที่ทำให้น้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือออกมากล่าววิจารณ์เกาหลีใต้และประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ในครั้งนี้ เป็นเพราะสัปดาห์นี้เกาหลีใต้กับและสหรัฐฯ ได้ฝึกซ้อมรบร่วมกัน โดยยกระดับการตอบโต้ต่อภัยคุกคามนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่ง คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือมองว่าเป็นการซ้อมรบเพื่อยั่วยุและรุกราน จึงมีความจำเป็นที่เกาหลีเหนือต้องขยายโครงการอาวุธนิวเคลียร์อย่างรวดเร็ว แต่เกาหลีใต้กับและสหรัฐฯ อ้างว่าเป็นเพียงการซ้อมรบเพื่อป้องกันประเทศเท่านั้น

นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ พยายามปรับปรุงความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ ซึ่งเลวร้ายลงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น


5.ฝนฤดูมรสุมถล่มเอเชียใต้ อินเดีย-ปากีสถาน อ่วม
ฝนที่ตกหนักทั่วรัฐมหาราษฏระ ทางตะวันตกของอินเดีย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่เป็นวงกว้าง หลังจากแม่น้ำโคทาวารี เอ่อล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมชุมชนในเมืองนันเทฑ (NanDed) ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายและประชาชนต้องอพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วม มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 คน

เช่นเดียวกับที่นครมุมไบ ก็ต้องเผชิญกับสภาพน้ำท่วมขังอย่างรุนแรง จากปัญหาเดิม ๆ คือระบบระบายน้ำรองรับน้ำไม่ได้มากพอ ประชาชนต้องเดินลุยน้ำสูงเหนือหัวเข่า การจราจรเคลื่อนตัวได้ช้า มีรถจอดเสียกลางเส้นทางเป็นจำนวนมาก

ส่วนที่เมืองการาจี ทางตอนใต้ของปากีสถาน ก็เผชิญฝนตกหนักในฤดูมรสุมเช่นกัน บางจุดเพียงชั่วโมงเดียว มีปริมาณน้ำฝนถึงกว่า 100 มิลลิเมตร ทำให้ถนนในย่านใจกลางเมืองแปรสภาพเป็นลำคลอง การจราจรติดขัด และไฟฟ้าดับ กรมอุตุนิยมวิทยาปากีสถานแจ้งเตือนว่า จะยังคงมีฝนตกหนักและฟ้าคะนอง จนถึงวันพรุ่งนี้ (21 ส.ค.)