ข่าวภาคค่ำ - กองทัพบกพาผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวอาเซียน จาก 8 ประเทศ สำรวจความเสียหายจากวิถีกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชา ที่ตกใส่อาคารของโรงพยาบาลพนมดงรักฯ จังหวัดสุรินทร์ ซ้ำยังเจอทุ่นระเบิดใหม่ที่ถูกนำมาวางไว้ ใกล้ฐานปฏิบัติการของไทย
เข้าสู่วันที่ 3 ของการเดินทางหาข้อเท็จจริง โดยกองทัพบก พาผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวอาเซียน หรือ IOT เดิยทางมาที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งจุดนี้ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังคาปลิวกระจัดกระจาย กระจกแตก ประตู-หน้าต่าง พังยับเยิน บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย ต้องอพยพหนีตาย ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา
จนถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบ 1 เดือน แพทย์ พยาบาล ชาวบ้านหลายคนยังเครียดหนัก และยังวิตกกังวล เกิดภาวะเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ หรือ ภาวะป่วยทางจิต PTSD
ส่วนที่สนามหญ้าหน้าเสาธงของโรงพยาบาล กระสุนปืนใหญ่ได้ตกลงมา กลายเป็นหลุมลึก ซึ่งหน่วยเก็บกู้ระเบิดได้นำไปทำลายแล้ว
จากนั้นได้เดินไปดูบังเกอร์ที่เคยถูกสร้างไว้เมื่อปี 2554 เพื่อสำรวจสภาพภายในบังเกอร์ว่ายังคงมีความพร้อมการใช้งานหรือไม่ เพราะจุดนี้ มีผู้บริสุทธิ์ 139 คน วิ่งเข้าไปหลบภัยนานกว่า 5 ชั่วโมง
นอกจากนี้ คณะ IOT ได้เดินทางไปดูการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิด ชมการสาทิตของทหารไทย ที่ต้องตรวจหาทุ่นระเบิด และทำลายกระสุนระเบิด ที่ตกลงมาตามแหล่งชุมชน
โดย พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ผู้ผลิตทุ่นระเบิดดังกล่าว น่าจะเป็นกลุ่มผู้ผลิตจากสหภาพโซเวียต ซึ่งไทยไม่ได้จัดซื้อหรือนำมาวางเองแน่นอน อีกทั้งพื้นที่แห่งนี้ ก็เป็นพื้นที่ของไทย จึงไม่มีเหตุผลที่ไทยต้องเล่นนอกกติกา
จากนั้น คณะ IOT ได้ลงพื้นที่ไปยัง ช่องจุ๊ปตะโมก ซึ่งเป็นปฏิบัติการของไทย โดยเป็นจุดที่ทหารไทยพลาดไปเหยียบทุ่นระเบิด เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะลาดตระเวณอยู่ในพื้นที่ ตามแนวรั้วลาดหนามฝั่งไทย ไม่ได้ข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา
แต่หลักฐานเด็ด ! ก่อนที่คณะ IOT จะขึ้นมา ทหารไทยได้เข้าเคลียร์พื้นที่อีกครั้ง จึงได้พบทุ่นระเบิดเพิ่มอีก 1 ลูก ในเขตแดนไทย คาดว่าคงมีผู้ไม่หวังดีลักลอบนำมาวางไว้
โดยข้อมูลทั้งหมดคณะ IOT ได้รับทราบ และเก็บข้อมูลข้อเท็จจริงไว้รายงานกับผู้บังคับบัญชาแต่ละประเทศต่อไป
