นายเสริมวิทย์ พลมุข อายุ 85 ปี พ่อของนายอลงกต พลมุข ยืนยัน ไม่มีส่วนข้องใดๆกับ พระอลงกต วัดพระพุทธบาทน้ำพุ

นายเสริมวิทย์ พลมุข อายุ 85 ปี พ่อของนายอลงกต พลมุข ยืนยัน ไม่มีส่วนข้องใดๆกับ พระอลงกต วัดพระพุทธบาทน้ำพุ

View icon 2.5K
วันที่ 24 ส.ค. 2568 | 09.08 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นายเสริมวิทย์ พลมุข อายุ 85 ปี พ่อของนายอลงกต พลมุข ยืนยัน ไม่มีส่วนข้องใดๆกับ พระอลงกต วัดพระพุทธบาทน้ำพุ ยืนยัน พระอลงกต นั้นไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่ลูก พอทราบจากข่าวก็ยังงง และสงสัย ทำไมพระอลงกต ชื่อเหมือนลูก
               
24 สิงหาคม 2568 ตามหาข้อเท็จจริงที่บ้านนาย เสริมวิทย์ พลมุข พ่อของนายอลงกต พลมุข ยืนยันไม่มีส่วนข้องใดๆกับพระอลงกตวัดพระพุทธบาทน้ำพุ เนื่องจากข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ของผู้ชายคนหนึ่งชื่อ อลงกต พลมุข เป็นข้าราชการกรมชลประทาน อยู่ที่อยุธยาฯ เพิ่งเสียชีวิตไป 2 ปี ซึ่งชื่อนามสกุลของเขาตรงกับพระอลงกต ทั้งชื่อพ่อก็ตรงกัน พ่อชื่อ เสริมวิทย์ พลมุข เป็นชาวขอนแก่นนั้นทำให้เกิดข้อสงสัย ของคนทั่วไปและในวงเครื่อญาติว่าเกิดอะไรขึ้น ล่าสุด ผู้สื่อได้ลงพื้นที่ ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ใน ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ได้พบกับนายเสริมวิทย์ พลมุข ซึ่งได้ขอยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับพระอลงกตแต่อย่างใด
              
นายเสริมวิทย์ พลมุข เล่าว่า ตนเองอายุ 84 เข้า 85 ปี มีลูชาย ชื่อนายอลงกต พลมุข แต่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ตนเองมีลูกชาย 3 คน คนโตและคนเล็กเสียชีวิตไปแล้ว เหลือแต่คนกลาง ซึ่งตนเองยืนยันว่า พระอลงกต นั้นไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่ลูก พอทราบจากข่าว ตนเองก็ยังงง และสงสัยอยู่เลย และขอยืนยันไม่เกี่ยวข้องใดๆเลยกับพระอลงกต
           
ดร.ดาหวัน ทะสา นายก อบต.กู่ทอง เปิดเผยว่า ตนเองเป็นญาติๆกันนายอลงกต พลมุข ซึ่งพ่อของนายอลงกต เป็นน้องชายของแม่ ตะกูล พลมุข เหลือแต่นายเสริมวิทย์ พลมุข คนเดียว นอกนั้นเสียชีวิตหมดแล้ว แต่รู้จักกับพระอลงกต มาหลายปี ซึ่งรู้จักในนามพระวัดพระบาทน้ำพุ รักษาโรคเอดส์ ซึ่งตนเองเคยพาผู้ป่วยโรคเอดส์บ้านโจดบัวบานไปรักษาที่วัดพระบาทน้ำพุด้วย และผู้ป่วยโรคเอดส์ได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่เห็น ว่าพระอลงกต เป็นนามสกุลกับเรานึกว่าเป็นญาติกัน ก็ถามไถ่กัน เพราะไม่ได้อะไร แต่คนเป็นพ่อนั้นไม่ทราบว่าอลงกต เป็นชื่อลูกตนเอง ซึ่งลูกชายชื่อนายอลงกต พลมุข หรือ ป้อม ได้เสียชีวิตไปแล้ว  เกิด พ.ศ.2505 มาเรียนที่แก่นนคร ลูกชาย 3 คนเรียนที่จังหวัดขอนแก่น และได้สอบบรรจุได้ที่ราชบุรี และย้ายตามแม่ไปที่ราชบุรี และพ่อกะแม่ได้แยกกันอยู่แต่ ความเป็นพ่อแม่ยังดูแลอยู่เหมือนเดิม ซึ่งนายเสริมวิทย์ พลมุข รับราชการ ซึ่งส่งเสียการเรียนยังใช้สิทธิของผู้เป็นพ่อ เบิกค่าใช้จ่ายได้อยู่
               
ซึ่งก่อนหน้าหนี้มีที่ข่าวจะออกมาประมาณ 2 ปี  ญาติเป็นลูกชายของน้องชาย ที่อยู่ชุมพร คือ อ.เฉลิมพล พลมุขเป็นอาจารย์สอนที่ราชภัฏอยุทยา เห็นลูกศิษย์ นามสกุล พลมุข ก็เลยเอะใจและสงสัยเกี่ยวกับการใช้นามสกุลของบุคคลบางคน ซึ่งไปพ้องหรือเหมือนกับนามสกุลของ พระอาจารย์อลงกต วัดพระบาทน้ำพุ อันเป็นพระนักพัฒนาที่มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้เริ่มจากการพูดคุยในกลุ่มเพื่อน ซึ่งต่างตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีความเกี่ยวข้องกับครอบครัว หรือ วงศ์ตระกูลของพระอาจารย์ แต่ตนเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นญาติกันจริงหรือเป็นเพียงความบังเอิญ  ต่อมาได้เกิด ความกังวลที่เกิดขึ้น คือ หากมีบุคคลใช้นามสกุลเดียวกัน และมีการทำธุรกรรมทางการเงินหรือการติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ (เช่น เอกสารจากบริษัทเอกชน ธนาคาร หรือเครือข่ายโทรศัพท์) ไปยังที่อยู่ซึ่งใกล้เคียงหรืออ้างอิงถึงครอบครัวตน  อาจทำให้เกิดความสับสนหรือส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันของข้าพเจ้าและครอบครัวได้
               
อย่างไรก็ตาม ตนไม่มีเจตนาจะสร้างความเสียหายหรือให้ร้ายต่อพระอาจารย์ เพราะท่านเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมมาอย่างยาวนาน เพียงแต่อยากให้เรื่องนี้มีความ ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในอนาคต ดังนั้นจึงเห็นสมควรบันทึกเรื่องนี้ไว้เป็นข้อสงสัย และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบเพื่อความจริงให้กระจ่างชัดต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง