สสจ. ลพบุรี หารือช่วยเหลือผู้ป่วยวัดพระบาทน้ำพุ ที่มีกว่า 120 คน วอนวัดอย่านำผู้ป่วยเปิดรับบริจาค มองการสร้างอุทาหรณ์ความกลัวเป็นความผิดปิดปกติ
วันนี้ ( 25 นายแพทย์ปิยะเดช วลีพิทักษ์เดช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลพบุรี เปิดเผยถึงกรณีการดูแลรักษาผู้ป่วยจากวัดพระบาทน้ำพุ ว่า เดิมทีในวันนี้นายเฉลิมพล พลมุข ประธานมูลนิธิธรรมรักษ์ จะต้องเข้าร่วมเสวนาหารือ ในฐานะตัวแทนวัดพระบาทน้ำพุ แต่แจ้งว่าติดภารกิจจึงมาร่วมไม่ได้ ซึ่งผู้ป่วยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน รวมประมาณกว่า 120 คน มีแผนหากจะต้องเคลื่อนย้ายออกจากวัด โดยแบ่งการช่วยเหลือเป็น ผู้ป่วยติดเชื้อ และผู้ป่วยอื่น ๆ ที่แข็งแรง และผู้สูงอายุ จะส่งต่อไปที่รพ.ข้างเคียง หรือ รพ.ในพื้นที่เพื่อดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ป่วยอื่น ๆ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จะประสานพมจ. ให้ดูแล และผู้ป่วยติดเชื้อหนักจะถูกส่งไปที่บ้านพักโรคเอดส์ และมูลนิธิต่าง ๆ ที่ให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์
ด้านนายนิมิตร์ เทียนอุดม ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบและกำกับ ติดตามการเข้าถึงบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยโรคเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และวัณโรค กล่าวว่า ไม่ได้จะปิดวัดพระบาทน้ำพุอย่างฉับพลัน ทุกอย่างจะต้องมีแผนที่ชัดเจน จากนั้นวัดต้องหยุดการโฆษณาผู้ป่วยเพื่อรับบริจาค และรับผู้ป่วยใหม่เข้ามา ต้องหยุดเอาภาพของผู้ป่วยมาใช้ รวมถึงแนวคิดสร้างอุทาหรณ์ หรือความกลัว มองว่าเป็นความคิดที่ผิดปกติ และควรหยุดสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดควรจะสื่อสารข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ถึงเวลาที่วัดต้องออกมาบอกว่าผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ รับยาได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น แต่หากไม่มีที่ไปจริง ๆ ก็ให้แจ้ง จะมีหน่วยงานหลายฝ่ายร่วมกันทำงาน
ด้านนายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี เอดส์ประเทศไทย ระบุว่า สำหรับการดองศพนั้น ในเรื่องข้อกฎหมายไม่ทราบ แต่ยึดหลักการว่า ใครก็ตามที่เสียชีวิต ก็ควรจะได้ทำพิธีตามศาสนา และไม่ควรนำมาทำสร้างความหวาดกลัว ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใด ๆ
ขณะที่นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการศาสนา บอกว่า ส่วนเรื่องการสร้างอาคารดูแลผู้ป่วย วัดไม่จำเป็นต้องขออนุญาตการก่อสร้างอาคาร แต่ที่เป็นปัญหาคือไม่ทราบว่าเป็นพื้นที่ของวัดหรือมูลนิธิ ที่จริงโครงการก็แล้วเสร็จไปแล้ว ต้องมาดูว่า สสจ. และโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช อยากรับหรือไม่ แต่หากอยากได้สถานพยาบาลโดยไม่ง้อกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลในพื้นที่ ก็ต้องไปลอกการบ้านวัดพระศรีสุดารามวรวิหาร
ส่วนใบสุทธิ นายจตุรงค์ บอกว่า ก็ต้องไปถามหลวงพ่อ ว่าใช้ชื่อ และพ่อคนอื่น รวมถึง ใช้เลขบัตรประชาชน อีกทั้งยังนำไปเปิดพ้อมเพย์ของกองทุนประชานาถ ทุกอย่างทำไปทำไม ส่วนเรื่องนำข้อมูลผู้อื่นไปใช้ในใบสุทธิ ผิดหรือไม่ ที่กรอกในใบสุทธิไม่น่ามีปัญหา แต่ไปกรอกในเถระสมาคม จะเข้าข่ายการนำส่งเอกสารอันเป็นเท็จให้แก่เจ้าพนักงานของรัฐหรือไม่ ก็ต้องไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย