"รัฐบาล" ย้ำสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ให้กองทัพทำหน้าที่อย่างเต็มที่

"รัฐบาล" ย้ำสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ให้กองทัพทำหน้าที่อย่างเต็มที่

View icon 107
วันที่ 26 ส.ค. 2568 | 13.35 น.
News
แชร์
วันนี้ (26 ส.ค. 68) นายจิรายุ  ห่วงทรัพย์   โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีข้อสั่งการจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ถึงการแก้ไขปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา และผลกระทบจากสถานการณ์พายุคาจิกิ ซึ่งได้เตรียมแผนรับมือตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ มีข้อ  สั่งการเพิ่มเติม ดังนี้
            
1. สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา  ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนทรัพยากรต่าง ๆ ให้กับกองทัพ ทั้งนี้ รักษาการนายกรัฐมนตรีราชการแทนนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทหารหาญที่ประจำอยู่ชายแดนทั่วประเทศไทย ในทุกพื้นที่  โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ต้องอดทนอดกลั้นจากการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชา

ทั้งปฏิบัติการทางทหาร และการใช้โล่มนุษย์ ที่อาศัยประชาชนนำหน้าเคลื่อนไหวด้วยวิธีการต่าง ๆ ในการนี้ หากกองทัพต้องการสนับสนุนอุปกรณ์หรือทรัพยากรเร่งด่วนใดๆ ขอให้แจ้ง  ศบ.ทก.  ดำเนินการประสาน จัดการให้ทันที  โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ  ยึดถือว่า สถานการณ์ชายแดนเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีข้อสั่งการให้ ศบ.ทก. ประสานการปฏิบัติให้มีผลสัมฤทธิ์ กระชับความเป็นเอกภาพทั้งการทหาร การต่างประเทศ การสื่อสารประชาสัมพันธ์  รวมถึงการปฏิบัติการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงมาตรการอื่น ๆ อาทิ เข้มงวดกับปฏิบัติการห้ามไม่ให้พลเรือนกัมพูชารุกล้ำเขตแดนอย่างผิดกฎหมาย และการติดตามเร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมด้าน Scammer

2. สั่งการให้กรมอุตุนิยมฯ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์พายุคาจิกิอย่างใกล้ชิดตลอด24 ชม.  เพื่อตัดสินใจ แจ้งเตือนภัย สื่อสารให้ทั่วถึงเหมาะสม ด้วยระบบต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบ cell broadcast และเตรียมการกู้ภัยในพื้นที่ ที่ได้ผลกระทบอย่างทันการณ์

3. สำหรับการบริหารจัดการระบบคลาวด์ภาครัฐ เพื่อให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลกลางของรัฐในการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีมาตรฐาน เป็นระบบ ครบถ้วน และมีความปลอดภัย ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีการตั้งงบประมาณเพื่อจัดซื้อ จัดจ้าง หรือเช่าใช้บริการระบบ  คลาวด์ (Cloud) ชะลอการดำเนินการดังกล่าวไว้ก่อน 

เพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการ  บูรณาการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล (National Cloud) ของประเทศไทย จากกระทรวงดีอี  ในฐานะหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เพื่อประกอบการดำเนินการ โดยให้ กระทรวงดีอี เร่งเสนอแนวทางดังกล่าวต่อ ครม. ภายใน 1 เดือน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง