บริษัทผลิตกริพเพน เล็งตั้งศูนย์วิจัยในไทย พัฒนาซอฟต์แวร์ติดตั้งเครื่องบิน

บริษัทผลิตกริพเพน เล็งตั้งศูนย์วิจัยในไทย พัฒนาซอฟต์แวร์ติดตั้งเครื่องบิน

View icon 231
วันที่ 26 ส.ค. 2568 | 17.48 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“มาริษ” เยี่ยมชมนวัตกรรมด้านความมั่นคง สำนักงานใหญ่ บริษัทผลิตกริพเพน CEO Saab เผย เล็งตั้งศูนย์วิจัยในไทย พัฒนาซอฟต์แวร์ติดตั้งเครื่องบิน

วันนี้ (26 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ตามเวลาท้องถิ่นวันที่ 25 ส.ค. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปที่สำนักงานใหญ่ Saab AB ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินขับไล่ Gripen  โดยมี นาย Micael Johansson (มิคาเอล โยฮันสัน) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Saab AB พร้อมคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ พาเยี่ยมชมนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านความมั่นคงของ Saab AB ภายหลังไทยได้ลงนามจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 เรียบร้อยแล้ว พร้อมบรรยายถึงศักยภาพของ Gripen E/F ที่มีความทันสมัย มีขีดความสามารถที่สูง คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Gripen E/F คือ เรดาร์ AESA (Active Electronically Scanned Array) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเรดาร์ที่ช่วยให้สามารถตรวจจับเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น มีความสามารถในการป้องกันการรบกวน และสามารถมองเห็นและติดตามเป้าหมายได้พร้อมกันหลายเป้าหมาย

ขณะที่ความสามารถในการบรรทุกอาวุธมีการเพิ่มจุดติดตั้งอาวุธ 10 จุด ทำให้สามารถบรรทุกอาวุธได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งนอกจาก Gripen แล้ว บริษัท Saab AB ยังมีผลิตภัณฑ์ทางด้านเทคโนโลยีความมั่นคงหลายชนิด ทั้งอากาศยานไร้คนขับ (UAV) , เรือดำน้ำที่มีระบบขับเคลื่อนที่ไม่ต้องขึ้นสู่ผิวน้ำ และระบบความมั่นคงทั้งความปลอดภัยสาธารณะ และความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย

นาย Micael ให้สัมภาษณ์ถึงประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพนครั้งนี้ (Offset Policy) ว่า โครงการความร่วมมือในเฟสแรกจะเน้นไปที่การถ่ายโอนเทคโนโลยีและความรู้เกี่ยวกับการเชื่อมโยงระบบต่างๆ (Link Capability) เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่างๆ ของไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นเรือรบ, เครื่องบินเตือนภัยทางอากาศ (Airborne Early Warning) และเครื่องบินขับไล่กริพเพน (Gripen Fighter) 

นาย Micael กล่าวอีกว่า การทำงานร่วมกับบุคลากรในอุตสาหกรรมและกองทัพอากาศไทยในการขยายขีดความสามารถและสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ ตนรู้สึกประทับใจอย่างมากกับแนวทางการทำงานของไทย และคิดว่าสวีเดนสามารถเรียนรู้จากไทยได้ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือในเรื่องการซ่อมบำรุงอากาศยาน, การอัปเกรดขีดความสามารถของเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศ ตลอดจนด้านการศึกษา เพื่อให้วิศวกรไทยได้มีโอกาสไปเรียนรู้งานด้านการบินและอวกาศในสวีเดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคต จะมีการตั้งสำนักงานวิจัยและพัฒนา Saab R&D Office ในไทย  ซึ่งจะพัฒนาความสามารถวิศวกรไทยในการพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเองเพื่อติดตั้งในเครื่องบินได้ เนื่องจากเครื่องบินของ Saab ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพิ่มเติมได้เอง รวมถึงการใช้เทคโนโลยี AI ทั้งหมดนี้ถือเป็นความร่วมมือในระยะยาวระหว่าง Saab กับไทย