เปิดวินาทีจับกุม หลวงพ่ออลงกต

View icon 92
วันที่ 27 ส.ค. 2568 | 06.31 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - ติดตามคดีหลวงพ่ออลงกต ตอนนี้สถานะเปลี่ยนเป็น ทิดอลงกต กับ หมอบี มีส่วนพัวพันเรื่องเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ เรียกว่าคดีนี้น่าจะใกล้ถึงตอนจบเข้ามาทุกขณะ หลังจากเมื่อวานนี้ ตำรวจเข้าจับกุม "อดีตพระอลงกต" ก่อนกำหนดฟ้าสาง หลังพบความเคลื่อนไหวผิดปกติของอดีตพระอลงกต ว่ากำลังขึ้นรถตู้คล้ายจะหลบหนี

ตำรวจกองบังคับการปราบปราม นำหมายศาลฯ เข้าจับกุม "อดีตพระอลงกต" เวลา 01.00 น. วันที่ 26 สิงหาคม บริเวณอาคารสนามฟุตบอลใจฟ้า ตามหมายจับของศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2568

ขณะจับกุมเห็นได้ชัดเจนว่าอดีตพระยังสงบนิ่ง ไม่แสดงอาการเครียด มีสีหน้ายิ้มแย้ม เหมือนที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ก่อนคุมตัวถึงกองปราบเวลา 05.00 น.

ส่วนเหตุที่ต้องบุกจับกุมกลางดึกแบบนี้ เพราะพฤติกรรม "อดีตพระอลงกต" มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ จากการสังเกตการณ์ช่วงหลายวัน จะเห็นว่าอดีตพระแทบไม่เคยออกไปไหนยามวิกาล แต่ช่วง 01.00 น. กลับขึ้นรถตู้ออกจากอาคารสนามฟุตบอลใจฟ้า จากการตรวจค้นพบเงินสดในกระเป๋าหลายใบรวมเป็นเงินหลักแสนบาท

มีจังหวะหนึ่งที่ทีมข่าวได้สอบถามกับ "เลขาปู" หนึ่งในคณะกรรมการวัดพระบาทน้ำพุ ก็ยืนยันว่าอดีตพระไม่ได้คิดหลบหนีไปไหน

ส่วน "หมอบี" ต้นเรื่องของการร้องเรียนให้ตรวจสอบ ถูกจับกุมที่บ้านพักในกรุงเทพฯ ช่วงเช้ามืดวานนี้ ไม่มีอะไรผิดแผน อ่านหมายจับ ตรวจค้นบ้านเสร็จก็พาตัวมาสอบสวนต่อที่ กองบังคับการปราบปราม เวลา 10.00 น. วานนี้ ตอนที่มาถึง "หมอบี" ยังปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามใด ๆ ของสื่อมวลชน

นายกสานติ์ ปัญญาชัยรักษา ทนายความของ "หมอบี" เผยว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับหมอบีเลย เนื่องจากยังติดกระบวนการการสอบปากคำของตำรวจ จึงยังไม่เข้าสู่ขั้นตอนการยื่นขอประกันตัว แต่ทางทีมงานได้เตรียมหลักฐานไว้ต่อสู้คดีแล้ว

ส่วนหมอบีจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ ทนายความ ตอบว่า แล้วแต่ความเห็นของพนักงานสอบสวน

ส่วนการสอบปากคำอดีตพระอลงกต "บิ๊กเต่า" รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บอกว่า ตอนแรกอดีตพระยังให้การไม่ครบในทุกประเด็น บางประเด็นไม่ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม และยังไม่ยอมสึก แต่สุดท้าย อดีตพระอลงกต ก็ตัดสินใจลาสิกขาจากความเป็นพระ ซึ่งก่อนลาสิกขายังได้ฝากคำสอนถึงผู้ที่ติดตามด้วย

เบื้องต้น อดีตพระอลงกต เปิดปากยอมรับถึงรากเหง้าเดิมของตนเอง และสาเหตุว่าทำไมถึงสวมชื่อและเลขบัตรประชาชนของ นายอลงกต พลมุข อดีตข้าราชการชลประทานที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2566 โดยระบุว่า เกิดปี 2503 ชื่อ "ไกร เพ็ชร์แก้ว" ต่อมาปี 2527 เปลี่ยนชื่อ "เกรียงไกร เพ็ชร์แก้ว" เรียนที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย ช่วงปี 2517-2519 ก่อนจะไปเรียนต่อ ปวช. วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วิทยาเขตเกษตรพิษณุโลก ปี 2523 แต่ไม่จบหลักสูตร ระหว่างนั้นได้ขึ้นทะเบียนทหารกองเกินที่ อำเภอเมืองขอนแก่น แต่ไม่ได้เกณฑ์ทหาร เพราะช่วงปี 2524 หนีออกช่องทางธรรมชาติ ไปทำงานประเทศมาเลเซีย เป็นคนเขียนแบบสร้างตึกปิโตรนาส

จากนั้นปี 2529 เดินทางกลับเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติกับคณะผู้แสวงบุญ มาศึกษาพระธรรมก่อนบวช วันที่ 1 มีนาคม 2529 ที่วัดลำนารายณ์ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น นายอลงกต พลมุข เพื่อหนีทหาร และย้ายมาอยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุ วันที่ 25 พฤษภาคม 2536 จนถึงปัจจุบัน

ส่วนสาเหตุที่เปลี่ยนใช้ชื่อ นายอลงกต พลมุข เพราะเป็นเพื่อนรักกับนายอลงกต ตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย โดยที่นายอลงกตไม่ทราบว่าถูกสวมรอยใช้ชื่อนี้ เช่นเดียวกับกรณีรายละเอียดของใบสุทธิ ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงนั้น ยอมรับว่าเป็นผู้เขียนเองทั้งหมด

ส่วนประเด็นเรื่องอดีตพระอลงกต บอกว่าเป็นคนเขียนแบบสร้างตึกปิโตรนาส จากการตรวจสอบข้อมูลของทีมข่าว พบว่าข้อมูลบางส่วนไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เนื่องจากตึกแฝด ปิโตรนาส เริ่มออกแบบเป็นทางการปี 2535 ก่อนใช้งานจริงปี 2542 สวนทางกับข้อมูลที่อดีตพระบอกว่าออกแบบช่วงปี 2524

ด้าน ดร.ยุทธนา มาสำราญ ทีมทนายความของอดีตพระอลงกต เดินทางกลับหลังจากการสอบปากคำอดีตพระอลงกตเสร็จสิ้น เวลา 23.00 น.ที่ผ่านมา

โดย ดร.ยุทธนา ให้ข้อมูลว่า อดีตพระอลงกตให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี ส่วนการต่อสู้ทางคดีต้องรอการสอบสวนให้แล้วเสร็จ โดยตำรวจยังไม่ให้ญาติเข้าพบ

"บิ๊กเต่า" สรุปคดีนี้ให้ฟังว่า ความตั้งใจดั้งเดิม อดีตพระอลงกต ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทำบุญ แต่พอศรัทธาที่เข้ามามากเกินไป ทำให้เงินบริจาคถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ตอนนี้มีผู้เกี่ยวข้องหลายสิบคน ตัวเลขแตะหลัก 1,000 ล้านบาท หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และคลี่คลายเรื่องนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง