หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดเป็นรายที่ 6 ทำชาวบ้านชายแดนนอนไม่หลับ ต้องรอฟังเสียงปืนทั้งคืน เพราะหวั่นว่าจะมีการปะทะอีกรอบ
วันที่ 28 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศที่บริเวณตลาดชายแดนช่องจอม โดยเฉพาะที่ตลาดโอท็อปช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นตลาดขายอาหารสดต่างๆทั้งพืชผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ พบว่าเป็นไปอย่างเงียบเหงา แม้ร้านค้าจะเปิดแล้วกว่าครึ่ง เพราะพ่อค้าแม่ค้าจำเป็นต้องค้าขายหารายได้จุนเจือครอบครัว ในช่วงสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ชายแดนตึงเครียดมากยิ่งขึ้น หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดของทหารกัมพูชาที่เข้ามาลักลอบวางไว้ ที่ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อวานนี้ ( 27 ส.ค.68) ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว ทำให้ยิ่งเงียบเหงามากยิ่งขึ้น เนื่องจากตั้งแต่เมื่อคืนนี้ที่ผ่านมา ประชาชนตามแนวชายแดนต่างนอนไม่หลับ หวั่นว่าจะเกิดการปะทะกันรอบดึกและตลอดถึงช่วงเช้า จึงพากันนอนรอฟังเสียงระเบิดกันทั้งคืน
อย่างไรก็ตามช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่าเด็กนักเรียนในพื้นที่ ต.ด่าน อ.กาบเชิงฯยังคงเดินทางด้วยรถโดยสาร เพื่อเดินทางไปเรียนหนังสือตามปกติ ส่วนบรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายของสด ก็ยังคงเปิดร้านค้าขายตามปกติเช่นกัน แม้จะเงียบเหงาก็ตาม
นางพิศสุดา อายุ 34 ปี แม่ค้าขายพืชผักสด ที่ตลาดโอท็อปช่องจอมฯ กล่าวว่า ร้านตนขายส่งผักสดต่างๆ ทั้งเผือก มัน ฟักทองและข้าวโพด มีลูกค้าจากหลายอำเภอ แม้เมื่อก่อนจะมีลูกค้าทั้งชาวกัมพูชาและไทย หลังจากชาวกัมพูชากลับประเทศยอดขายก็ตกลงมาบ้าง แต่พบว่าลูกค้าคนไทยที่มาซื้อก็มีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น จึงทำให้พอขายสินค้าได้ แต่หลังจากเริ่มยิงกันวันแรก ของทั้งหมดมูลค่ากว่า 5-6 หมื่นบาท ตนก็ขนเอาไปแจกชาวบ้านและทหารทั้งหมดเพราะกลัวจะเน่าเสีย จนสงครามสงบ เพิ่งมาขายวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็พอขายได้ ประชาชนเริ่มปรับตัวและเข้าใจในสถานการณ์จึงเริ่มเข้ามาซื้อของมากขึ้น ทำให้พ่อค้าแม่ค้าเริ่มขายได้บ้าง อย่างไรก็ตามก็ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยให้ช่วยมาซื้อสินค้า โดยเฉพาะของสดที่ตลาดโอท็อปช่องจอม เปิดขายตั้งแต่เช้ามืดทุกวันด้วย
นางพิศสุดาฯ กล่าวอีกว่า เมื่อคืนนอนไม่หลับ รอลุ้นว่าจะมีการยิงปะทะกันอีกหรือไม่ หลังทหารไทยเหยียบระเบิด จนมาถึงเช้าก็ไม่ได้ยินเสียงระเบิด ก็โล่งอก จึงมาขายของต่อ ตนขอฝากถึงรัฐบาลให้เร่งยุติปัญหาชายแดนโดยเร็ว จะด้วยวิธีเจรจา หรือจะยิงก็รีบยิง ให้จบโดยเร็ว เพราะชาวบ้านลำบากมาก รวมทั้งให้ช่วยเจรจากับธนาคารเอกชนต่างๆ ให้ช่วยผ่อนผันค่างวดรถ ค่าสินเชื่อต่างๆของประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนด้วย เพราะหลายคนก็กำลังถูกยึดรถ แถมขายของก็ไม่ได้ รวมทั้งเรื่องเยียวยาต่างๆให้ช่วยชาวบ้านโดยเร็ว และเมื่อสถานการณ์สงบเร็ว ชาวบ้านก็จะค้าขายช่วยตัวเองได้เร็วเช่นกัน
