แรงสะเทือนของปืนใหญ่ ทำฝ้าเพดานโรงเรียนพัง

เช้านี้ที่หมอชิต - ที่จังหวัดสุรินทร์ ฝ้าเพดานอาคารเรียน พังจากแรงสั่นสะเทือนปืนใหญ่ เด็กนักเรียนต้องนั่งเรียนกลางห้องเรียนฝ้าเพดานพังไปก่อน เพราะต้องรอรับงบซ่อมแซมจากรัฐ

แรงสะเทือนของปืนใหญ่ ทำฝ้าเพดานโรงเรียนพัง จ.สุรินทร์
ภาพที่ครูพาเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่โรงเรียนบ้านโคกกรม ตำบลจีกแดก อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ หลังฝ้าเพดานหลังคาเรียน และอุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย จำนวน 3 อาคารเรียน จากแรงสั่นเทือนของปืนใหญ่ ช่วงเหตุการณ์ปะทะไทย-กัมพูชา 

โรงเรียนสำรวจความเสียหายส่งให้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม จนปัจจุบันยังไม่ได้รับการประสานซ่อมแซมอาคารเรียน เนื่องจากต้องรองบประมาณ ที่อาจจะได้ล่าช้าถึงปี 2570

เด็กนักเรียนต้องเรียนหนังสือ ท่ามกลางหลอดไฟ สายไฟที่หล่นห้อย คาดว่าฝ้าเพดานจะมีโอกาสร่วงหล่นลงมาอีก

หากประชาชน หรือ ผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือ ติดต่อและประสานงานได้ที่ พ.อ.ธนาคม เลื่อนทอง หัวหน้ากองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 25 โทร. 09 7999 2599

ทบ.เปิดภาพ "ปราสาทตาเมือนธม" เสียหายถูกยิง
ขณะที่ เพจ กองทัพบก ทันกระแส ก็ได้โพสต์ภาพร่องรอยความเสียหายบนปราสาทตาเมือนธม แม้จะผ่านมาแล้วเดือนกว่านับจากวันหยุดยิง ในวันปะทะพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม คือ "ที่แรก" ที่กัมพูชาเริ่มยิงใส่ทหารไทย กัมพูชาพยายามเข้ามายึดพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม โดยการระดมยิงทั้งปืนเล็ก ปืนใหญ่ จรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม แต่ทหารไทยยังคงรักษาไว้ได้

เป็นหลักฐานที่ว่า กัมพูชาละเมิด อนุสัญญากรุงเฮก (Hague Convention 1954) ว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ในกรณีพิพาททางอาวุธ และภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก กัมพูชายังเป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก มีแหล่งมรดกโลกภายใต้การดูแล  สิ่งที่เกิดขึ้นสวนทางกับหลักการและพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างสิ้นเชิง

กองทัพเรือ นำ IOT ลงชายแดนจันทบุรี-ตราด จ.ตราด
ที่จังหวัดตราด คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) ประกอบด้วย ผู้ช่วยทูตทหารจาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียน นำโดย ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย และ รองเจ้ากรมข่าวทหาร ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย ได้ตรวจสอบหลักเขตที่ 73 ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด

พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า เปิดเผยว่า การพาคณะผู้แทน IOT มาดูพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อย้ำจุดยืนว่าไทยยังคงปฏิบัติตาม MOU 44 ยึดถือหลักเขตที่ 73 มาโดยตลอด 

จากนั้นเดินทางไปดูทุนระเบิดที่ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 ที่บ้านเขาล้านได้เก็บไว้ ซึ่งทุ่นระเบิดทั้งหมดทางหน่วยเก็บกู้ระเบิดได้นำมาเก็บรักษาไว้หลังจากเก็บกู้ในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการสาธิตการเก็บกู้ระเบิด

ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจาในระดับพื้นที่แล้วได้ทำการถอนกำลังออกไป 200 เมตร ซึ่งเป็นตัวอย่างการจัดการที่ดี ทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นเขตปลอดคน ซึ่งสร้างบรรยากาศแห่งสันติภาพที่ทุกฝ่ายพอใจ ระหว่างรอการตัดสินใจในระดับนโยบายต่อไป หวังอย่างยิ่งว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิม