Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 4 กันยายน 2568
1.กัมพูชา จะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ตอบโต้ไทย
หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ประเทศไทย ทำหนังสือถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ประเทศกัมพูชา ให้ย้ายชาวกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว 170 ครัวเรือน ออกจากพื้นที่ ถ้าไม่ย้ายออกจะดำเนินการตามกฎหมายของไทย
ทางรัฐบาลกัมพูชา ออกแถลงการณ์ โดยโฆษกรัฐบาลกัมพูชาขอแจ้งให้สาธารณชนทราบว่า รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านซวงและเปรยจัน ต.โอเบยชอน อ.โอชรอฟ จ.บ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการเพียงฝ่ายเดียวมาตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2568 ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่และได้ประโยชน์มาเป็นเวลานานในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินการใช้กลไกที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อประท้วงฝ่ายไทยและแจ้งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบผ่านช่องทางการทูตทุกช่องทางตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ โฆษกรัฐบาลกัมพูชาขอแจ้งว่า การปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน เป็นภารกิจสำคัญลำดับแรกของรัฐบาลกัมพูชา ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และไปจนถึงอนาคต รัฐบาลกัมพูชายังคงมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาชายแดนโดยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ ซึ่งเป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐานของประเทศชาติและประชาชน
2.แรงงานกัมพูชากว่า 70% ประสบปัญหาค่าครองชีพสูง-เงินเดือนไม่พอใช้
สำนักข่าว คีรีโพสต์ (Kiri Post) ของกัมพูชา รายงานว่า ขณะนี้แรงงานกัมพูชาส่วนใหญ่ในประเทศกัมพูชา กำลังประสบปัญหาเงินเดือนไม่พอใช้ เนื่องจากค่าแรงไม่เพียงพอ สำหรับค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารและอื่น ๆ ในแต่ละเดือน จึงเกิดปัญหาแรงงานส่วนใหญ่เป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบ
จากข้อมูลของเว็บไซต์ CNV International ซึ่งให้ข้อมูลด้านคุณภาพชีวิตแรงงานทั่วโลก ระบุว่า แรงงานกัมพูชามีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ถึง 41% เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แรงงานกัมพูชา 73% มีหนี้สิน
ทางตัวแทนสหภาพและองค์การเอกชนด้านแรงงานในกัมพูชา เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชา ขึ้นเงินค่าแร่งขั้นต่ำจากปัจจุบันเฉลี่ยเดือนละ 6,800 บาท เพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 800 บาท เป็นเงินเฉลี่ยเดือนละประมาณ 7,600 บาท ภายในสิ้นปี พ.ศ.2569 ขณะที่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลด GDP หรืออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาในปีนี้ ลงจากเดิม 6% เหลือ 4.8% เป็นผลจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และกรณีพิพาทชายแดน ไทย-กัมพูชา
3.“ทรัมป์” อาจต้องลดอัตราภาษีนำเข้า หากแพ้คดีภาษีศุลกากรในชั้นศาลฎีกา
จากที่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ตัดสินให้คำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ที่ลงนามโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังอนุญาตให้มีผลบังคับใช้ต่อไป เพื่อให้รัฐบาลยื่นสู้คดีในชั้นศาลฎีกาได้ ภายในวันที่ 14 ตุลาคมนี้
ล่าสุด ประธานาธิบดีทรัมป์ ยอมรับว่าหากรัฐบาลของเขาแพ้คดีในชั้นฎีกาจริง ก็อาจจำเป็นต้องลดอัตราภาษีนำเข้าลง จากที่ทำข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และประเทศอื่น ๆ ไว้แล้ว นอกจากนี้ ทรัมป์ระบุว่าถือเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เพราะแทนที่สหรัฐฯ จะกลับมาเป็นประเทศร่ำรวยอีกครั้ง แต่กลายเป็นว่าสหรัฐฯ จะได้รับความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม เขายังเชื่อว่าศาลฎีกาจะชี้ขาดให้รัฐบาลชนะคดี
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและการค้าคาดว่า คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาอาจตัดสินให้รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ชนะคดี หรืออย่างน้อยก็เปิดโอกาสให้ใช้มาตรการภาษีตอบโต้อัตราเดิมต่อไปได้บางส่วน ไม่ใช่ยกเลิกเกือบทั้งหมดเหมือนเช่นศาลอุทธรณ์
4.ผู้นำจีน-ผู้นำรัสเซีย คุยกันเรื่องปลูกถ่ายอวัยวะ-ยืดอายุขัยของมนุษย์
ไมโครโฟนสามารถบันทึกเสียงการสนทนาหารือบางส่วนระหว่างประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กับ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ระหว่างเดินผ่านจัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่ง ร่วมพิธีสวนสนามทางทหารฉลองครบรอบ 80 ปี สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) ซึ่งการสนทนาพูดถึงการปลูกถ่ายอวัยวะ และความเป็นไปได้ที่จะทำให้มนุษย์มีอายุยืนยาวถึง 150 ปี
โดยสำนักข่าว BBC รายงานว่า ล่ามของ “ปูติน” พูดภาษาจีนว่า “เทคโนโลยีชีวภาพกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” จากนั้นล่ามได้กล่าวต่อว่า “อวัยวะมนุษย์สามารถปลูกถ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีชีวิตอยู่นาน ก็ยิ่งดูเยาว์วัยขึ้น และอาจไปถึงขั้นอมตะได้ด้วยซ้ำ” ซึ่งผู้นำจีนตอบกลับว่า “มีการคาดการณ์ว่า ในศตวรรษนี้ มนุษย์อาจมีอายุยืนได้ถึง 150 ปี”
ทาง “วลาดิมีร์ ปูติน” ตอบเผยกับผู้สื่อข่าว TASS ถึงเรื่องดังกล่าวว่า วิธีการฟื้นฟูสมัยใหม่ วิธีการทางการแพทย์ รวมถึงวิธีการผ่าตัดที่เกี่ยวข้องกับการปลูกถ่ายอวัยวะ ช่วยให้มนุษย์มีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ยืนยาวนานกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อายุขัยเฉลี่ยนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่อายุขัยจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
5.รถรางตกราง-พุ่งชนตึก ดับอย่างน้อย 15 คน
เกิดเหตุรถราง "กลอเรีย" (Gloria) ซึ่งเป็นรถรางไต่เขาสายประวัติศาสตร์ในกรุงลิสบอน เมืองหลวงของประเทศโปรตุเกส ตกรางและไหลชนกันอย่างไร้การควบคุม เมื่อช่วงเย็น วานนี้ (3 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน และมีผู้บาดเจ็บอีก 18 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้บาดเจ็บอาการสาหัส 5 คน
ทางการโปรตุเกสได้ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศ ส่วนสาเหตุรถรางไต่เขาตกรางครั้งนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด ขณะที่บริษัท แคร์ริส (Carris) ผู้ให้บริการรถรางคันที่เกิดเหตุระบุว่า เริ่มการสืบสวนข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และยืนยันว่าปฏิบัติตามขั้นตอนการบำรุงรักษาทั้งหมด
ทั้งนี้ รถราง "กลอเรีย" เป็นรถรางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมือง เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2428 เชื่อมระหว่างย่านใจกลางเมืองลิสบอนบริเวณใกล้จัตุรัสเรสตัวราโดเรส กับย่านไบร์โรอัลโต ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องสถานบันเทิงยามค่ำคืน แต่ละปีมีผู้โดยสารใช้บริการราว 3 ล้านคน