สนามข่าว 7 สี - ต้องบอกว่างานเข้าเต็ม ๆ กรณีรถกระบะส่งน้ำดื่มเสียหลักหลุดโค้งชนเสาไฟฟ้า ที่ จังหวัดเชียงใหม่ เสียหาย 52 ต้น รวมทั้งบ้านชาวบ้าน ร้านอาหาร 26 หลัง และรถยนต์ของผู้อื่นอีกเพียบ คาดว่ามูลค่าความเสียหายแตะเกินหลักสิบล้านบาท แต่รถมีวงเงินประกันแค่ 600,000 บาท ซึ่งตำรวจชี้ว่านายจ้างอาจต้องมีส่วนรับผิดชอบ ถ้าลูกจ้างเกิดอุบัติเหตุในเวลางาน
ทีมข่าวลงพื้นที่ พบเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระดมกำลังจากหลายอำเภอในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ เร่งนำเสาไฟฟ้าแรงสูงไปติดตั้งใหม่ทดแทนเสาเดิม เพื่อเร่งฟื้นฟูระบบและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ชาวบ้าน 34 ครอบครัว และใช้เครนยกกู้ซากเสาไฟฟ้าที่เสียหาย เพื่อคืนพื้นที่โดยเร็วที่สุด
มีประเด็นที่คนตั้งข้อสังเกตถึงมาตรฐานเสาไฟฟ้า ทำไมหักโค่นได้ง่าย ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองเชียงใหม่ 2 ยืนยัน เสาไฟฟ้าแรงสูงทุกต้นที่ติดตั้งผ่านการตรวจสอบมาตรฐานอุตสาหกรรม ถูกออกแบบโครงสร้างเหล็กเส้นเล็กหลายเส้น เพื่อยืดหยุ่น รับแรงลม และแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว แต่อุบัติเหตุครั้งนี้รถกระบะชนอย่างแรง ส่งผลให้เสาหัก และด้วยน้ำหนักสายไฟฟ้าแรงสูง จึงดึงเสาและสายไฟฟ้าล้มตามกัน
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ บอกว่า เห็นสภาพความเสียหายแล้ว รู้สึกกังวลว่าผู้ก่อเหตุจะชดใช้ไม่ไหว อยากให้หน่วยงานรัฐช่วยเหลือเยียวยาและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้ด้วย
ด้าน เจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย ระบุว่า รถคันเกิดเหตุทำประกันชั้น 3 มีวงเงินคุ้มครองความเสียหายกับทรัพย์สินบุคคลภายนอก 600,000 บาท ส่วน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ คุ้มครองชีวิตผู้โดยสาร 500,000 บาท และคุ้มครองชีวิตคนขับรถ 35,000 บาท ซึ่งทางบริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนในส่วนความคุ้มครองที่ทำไว้กับบริษัท
ส่วนทางคดีเป็นความรับผิดชอบของ สภ.ช้างเผือก ผู้กำกับการ สภ.ช้างเผือก เผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่า ข้อหาที่คาดว่าคนขับจะถูกดำเนินคดีก็คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต
และตามกฎหมาย หากสอบสวนพบว่าขณะเกิดเหตุอยู่ระหว่างการทำงาน นายจ้างต้องมีส่วนร่วมรับผิดด้วย ซึ่งประเด็นนี้พนักงานสอบสวนจะเข้าสอบปากคำคนขับรถอีกครั้ง เพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องดำเนินคดี