ห้องข่าวภาคเที่ยง - กรมอุทยานฯ ตั้งข้อสังเกตพฤติกรรมสิงโต หากได้กัดหรือตะปบเหยื่อจนเลือดออก จะทำให้สัญชาตญาณนักล่าถูกกระตุ้นออกมา
เรื่องนี้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คาดว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ตอนที่สิงโตเดินเข้าไปตะปบหลังผู้เลี้ยง พอเห็นเลือดออก สัญชาตญาณนักล่าจึงถูกกระตุ้นออกมา
ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของ นายโรเจอร์ โลหนันท์ นายกสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เตือนภัยถึงอันตรายจากการเลี้ยงสิงโตและเสือ
เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่ครั้งแรก สาเหตุหลักมาจากความประมาทของผู้เลี้ยง โดยเฉพาะเมื่อเกิดความคุ้นเคยมากเกินไป
พร้อมอธิบายว่า ผู้เลี้ยงมักประมาท ชะล่าใจ ต่อสัตว์ที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก โดยไม่ตระหนักถึงสัญชาตญาณนักล่าที่อาจแสดงออกเมื่อสัตว์โตขึ้น
นายโรเจอร์ ได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์สลดทั่วโลก เช่น กรณีสิงโตในแอฟริกาใต้ทำร้ายผู้เชี่ยวชาญเสียชีวิตในปี 2562 เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ไนจีเรียถูกขย้ำในปี 2567 และเหตุการณ์ในปากีสถาน รัสเซีย และอุซเบกิสถาน ที่มีผู้เสียชีวิตจากการถูกสิงโตทำร้าย พร้อมตั้งคำถามถึงหน่วยงานภาครัฐและนักการเมืองว่า เหตุใดยังอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์อันตรายอย่างสิงโตและเสือ ในเมื่อมีการควบคุมการเลี้ยงสัตว์อื่นและการพนัน พร้อมเตือนว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายหากไม่มีการควบคุมที่เข้มงวด
มีข้อมูลระบุว่า โดยทั่วไปแล้ว สิงโตจะไม่เข้าใกล้ หรือโจมตีรถของเจ้าหน้าที่มี 5 เหตุผลหลัก คือ
1. สิงโตมองว่ารถเป็นวัตถุเดียว ไม่แยกมนุษย์ออกจากรถ
2. หลีกเลี่ยงมนุษย์โดยสัญชาตญาณ มองว่าเป็นภัยมากกว่าเหยื่อ
3. ความคุ้นชิน รถเคลื่อนตัวช้า สม่ำเสมอ จึงไม่รู้สึกว่าถูกคุกคาม
4. การขับที่ไม่รบกวนสัตว์ รักษาระยะห่างและควบคุมเสียง
5.สัญชาตญาณเลี่ยงความเสี่ยง ไม่อยากปะทะกับสิ่งที่ใหญ่ และไม่คุ้นเคย