ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คืนวันที่ 13 ก.ย. 68 ที่ผ่านมา มาเวลาประมาณ 20.00 น. ถึง 22.00 น. ประชาชนในหลายพื้นที่ของ จ.สุรินทร์ พบโดรนปริศนาที่คาดว่าเป็นของทหารกัมพูชา บินเข้ามาสอดแนมในหลายพื้นที่หลายสิบลำ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.พนมดงรัก ที่ชาวบ้านพบบินต่ำหลายจุด ได้ยินเสียงโดรนบินชัดเจน พร้อมกับมีไฟกะพริบหลายสีให้เห็น โดยพบบินเข้ามาจำนวนมากผิดปกติในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านสามารถใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพแสงกระพริบได้หลายเครื่อง แม้จะถ่ายไม่ได้ชัดเจนก็ตาม
ขณะเดียวกันชาวบ้านในพื้นที่ต่างหวาดระแวง ว่าทหารกัมพูชาจะใช้โดรนบินมาหย่อนระเบิดใส่ พากันนอนไม่หลับในระยะนี้ อยากให้ทหารและรัฐบาลจัดการให้เด็ดขาด ให้จบสิ้นสุดโดยเร็ว เพราะต้องอยู่อย่างหวาดผวา และชาวบ้านพร้อมอพยพทุกเมื่ออีกด้วย
น.ส.ราตรี ชาว ต.บักได อ.พนมดงรัก ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับปราสาทตาควาย บอกว่า ได้ยินเสียงโดรนบินและเห็นไฟของโดรนกัมพูชาบินหลายลำผิดปกติ ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้มักจะพบเห็นช่วงหัวค่ำ เป็นไฟกะพริบสีเขียวสีแดงหลายสี ผิดปกติช่วงที่มีข่าวทหารกัมพูชาเข้ามาประชิดชายแดนจำนวนมาก ชาวบ้านอยู่อย่างหวาดระแวง ยางก็กรีดไม่ได้เหมือนก่อน ปกติไปกรีดยางเที่ยงคืน ช่วงนี้ไปตี 4 ตี 5 ขาดรายได้ไปเยอะ อยากให้แม่ทัพภาคที่ 2 มาจัดการให้จบ ๆ ที่ท่านเคยสัญญาไว้จะจัดการชายแดนให้จบก่อนเกษียณ ชาวบ้านรอไม่ไหว้แล้ว ยอมอดอยาก ขอให้จัดการชายแดนให้จบเร็ว ๆ โดยเฉพาะปราสาทตาควายให้เอาคืนมาให้ได้ทั้งหมด
รวมทั้งนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ด้วย บอกว่าจะมาจัดการปัญหาชายแดน ที่บอกว่าจะไม่ให้เสียแผ่นดินแม้แต่ตางรางเซนติเมตรเดียว ก็ให้รีบมา ชาวบ้านชายแดนรอไม่ไหวแล้ว ชาวบ้านมีความต้องการแบบเดียวกัน คือให้จัดการปัญหาเขตแดนชายแดนเป็นอันดับแรก ส่วนการเปิดด่านก็ยังไม่อยากให้เปิด ให้จัดการชายแดนก่อน และสงสารทหารที่มาอยู่ในป่านานแล้ว กัมพูชาเชื่อใจไม่ได้ ส่วนกรณีเรื่องของปากท้องและแผ่นดินสิ่งไหนสำคัญกว่านั้น ชาวบ้านต้องเอาแผ่นดินก่อนปากท้อง ยอมอดอยากก่อน ทุกวันนี้ก็อดอยู่แล้ว ให้รีบจัดการเรื่องแผ่นดินให้จบโดยเร็วด้วย ชาวบ้านพร้อมอพยพ
