ผลข้างเคียงเสี่ยงมาก ฉีดโกรทฮอร์โมน เพิ่มความสูงให้ลูก

ผลข้างเคียงเสี่ยงมาก ฉีดโกรทฮอร์โมน เพิ่มความสูงให้ลูก

View icon 299
วันที่ 17 ก.ย. 2568 | 11.01 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อินฟูลฯ แห่พาลูกฉีด โกรทฮอร์โมน เพิ่มความสูง หมอในไทยไม่ฉีดให้ ก็พาไปฉีดที่เกาหลี พบอาการปวดหัวรุนแรง จากความดันในกะโหลกศีรษะ รักษาไม่ทันตาบอดได้ หมอเตือนระวังให้ดีเพราะคุณกำลังพาลูกประสบกับผลข้างเคียงของยา

เทรนด์ฉีดโกรทฮอร์โมนเพิ่มความสูงให้เด็ก เพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ ซึ่งเพจความรู้เกี่ยวกับสุขภาพเด็ก การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการเลี้ยงลูกเชิงบวกอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ แจ้งเตือนหลังพบ เมื่ออินฟลูฯ พาลูกไปฉีดโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone; GH) กัน และคนมีเงินก็พาลูกไปฉีด GH กันรัว ๆ ด้วยจุดประสงค์ให้ลูกสูง สูงเกินมาตรฐานครอบครัว (เขาว่าเช่นนั้น) ในไทย หมอไทยไม่ฉีดให้ก็ไปเกาหลี ให้หมอเกาหลีฉีดให้ ให้ลูกสูง ไม่แน่ใจการควบคุมของที่เกาหลี แต่มีไปจริง แล้วก็เกิดปัญหาจริง

หมอสมองเด็กที่รู้จัก พบเด็กที่ไปรับ GH จากเกาหลีมาด้วยปวดศีรษะรุนแรง โดยสรุปเกิดจากความดันในกะโหลกศีรษะสูงจาก GH สมัยก่อนเราจะเรียกว่า Pseudotumor Cerebri อันตรายมาก ตาบอดได้เลย ถ้ารักษาไม่ทันท่วงที แม้ว่าภาวะแทรกซ้อนนี้จะเจอน้อย แต่เจอนะ เทรนด์การฉีด GH นี่อันตรายมาก วันนี้เลยมาชวนคุยกัน

หากตอบแบบ หมอเด็กสายกลางแบบพ่อหมอตอบ เราก็ตอบว่า "สูงหรือเตี้ย มันไม่เกี่ยวกับความฉลาด การใช้ชีวิต หรือการประสบความสำเร็จในชีวิตนะ" แต่พ่อแม่ก็อาจตอบกลับมาว่า อยากให้ลูกสูง แต่หมออยากให้ตั้งสติ ว่า Growth Hormone หรือฮอร์โมนเจริญเติบโต ที่เราใช้ทางการแพทย์คือ "ยา"  ดังนั้นยามเราใช้ยา เราจะต้องเตือนตัวเองเสมอว่า ข้อบ่งใช้ของยาตัวนั้นคืออะไรสำหรับคนไข้คนหนึ่ง หากมีข้อบ่งชี้บ่งใช้ในการใช้ยาก็ใช้ได้เลย แต่หากไม่มีข้อบ่งชี้บ่งใช้แต่จะใช้ อันนี้ระวังให้ดีเพราะคุณกำลังพาลูกประสบกับผลข้างเคียงของยา และค่าใช้จ่ายที่คุ้มหรือไม่ ยังไม่รู้เลย บางทีคิดไปเองก็มี

ข้อความตอนหนึ่ง คุณหมอบอกด้วยว่า ผลข้างเคียงในการใช้ GH ที่พบทางคลินิก ก็คือ

- ความดันในกะโหลกเพิ่ม
- Slipped Capital Femoral Epiphysis (SCFE; คอกระดูกต้นขาหลุดจากหัวกระดูก เหมือนกระดูกต้นขาขาดฟึ่บ แบบนั้น)
- กระดูกหลังคด
- เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ตับอ่อนอักเสบ ภาวะทางเดินหายใจตอนต้นอุดตัน (OSA)


การศึกษาที่ผ่าน ๆ มาที่บอกว่า Growth Hormone นั้น รักษาแล้วเพิ่มความสูงในกลุ่มเตี้ยไม่ทราบสาเหตุ (คนที่เตี้ยมากต่ำกว่ากราฟ) ส่วนใหญ่ใช้เวลาในการรักษาอยู่ที่ 5 ปี (3.5-7.5 ปี) ตั้งแต่ก่อนเข้าวัยรุ่น ซึ่งการฉีด GH จะเพิ่มความสูงได้เมื่อเทียบกับไม่ฉีด 7.4, 3.4, 3.6, 4.7 ซม. ขึ้นกับว่าเอามาจากการศึกษาไหน โดยราคาของยาGH ที่ใช้ในการเพิ่มความสูงในโรคเตี้ยไม่ทราบสาเหตุ ตกอยู่ที่ประมาณ 150,000+ บาท/ความสูงที่เพิ่มขึ้น 1 ซม./น้ำหนัก 10 กก.

คิดง่าย ๆ ว่าหากฉีดให้เด็กหนัก 20 กก. ส่วนสูงเพิ่มขึ้น 5 ซม. จะต้องใช้เงินทั้งหมดประมาณ 1.5 ล้านบาท เท่านั้นเอง (ไม่คิดน้ำหนักที่เพิ่มตามอายุ) และยังไม่รวมค่าแพทย์ ค่าการพยาบาล แต่หากเป็นโรค ก็อาจจะถือว่า "คุ้ม" ก็ได้ เพราะอาจเพิ่มความสูงได้มากที่สุดถึง 7 ซม. 

ปัญหาก็คือ มีการใช้ GH ในกลุ่มเด็กที่ไม่เข้าเกณฑ์ "โรคเตี้ยแบบไม่ทราบสาเหตุ" บางคนความสูงยังไม่ตกเกณฑ์ด้วยซ้ำ แล้วมีฝันเล็ก ๆ ว่าจะ “สูงขึ้น"  ซึ่งพ่อแม่หลายคนก็รีบคว้าโอกาสมาไว้ก่อน คำถามคือ กลุ่มที่ไม่ใช่ "โรคเตี้ย" แล้วได้รับ GH จะเพิ่มความสูงได้เท่าไร ไม่แน่ใจ คุ้มไหม โดนไปกี่บาท ไม่รู้ จะเริ่มฉีดตอนอายุเท่าไร เลิกฉีดเมื่อไร ยากจะพิจารณา และที่สำคัญ ผลข้างเคียงของยาที่ได้มาโดยไม่จำเป็น อีกเท่าไร อันนี้น่าคิด

ทางด้าน พล.อ.อ.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา โพสต์เฟชบุ๊กแสดงความเห็นถึงประเด็นดังกล่าวว่า การใช้ยาใด ๆ จะมี ข้อบ่งชี้ ทางการแพทย์กำกับ ซึ่งจะมีทั้งข้อดี ข้อเสีย และ ข้อจำกัด ตลอดจนผลข้างเคียง การรักษาต้องเป็นไปตาม มาตรฐานของวิชาชีพแพทย์ และควรอยู่ในมือแพทย์ผู้ชำนาญการ หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

"ทุกการรักษาแพทย์จำเป็นต้องเลือกให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ที่แตกต่างกัน และต้องให้ความรู้ผู้ป่วยให้ ยอมรับ ทั้งข้อดีและข้อเสียของการรักษา"

การเซ็นหนังสือยินยอม ก่อนการรักษาว่าจะไม่ฟ้อง แล้วเกิดความเสียหาย หลายครั้งศาลไม่รับฟัง ก่อนรักษาใด ๆ ให้สอบถาม แพทย์เข้าใจ ก่อนตัดสินใจ สำหรับเรื่องนี้แพทยสภาจะทำความรู้ เผยแพร่ประชาชนอีกครั้งหนึ่ง แลจะได้ประสาน นพ.ภาสกร วันชัยจิระบุญ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ ออกเอกสารหมอชวนรู้ ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง